เมื่อวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 นายแพทย์อิสระ วิริยบุญญา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี พร้อมทั้งท่านอาจารย์สมจิตร(น้องสาวของท่าน) และอาจารย์บอย ได้แวะมาเยี่ยมผม ขณะที่ผมกำลังนั่งเจาะกะละมังสีดำที่ไปซื้อจากร้าน 20 บาททุกอย่าง เพื่อเป็นรูระบายน้ำ คุณหมออิสระได้ถามว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมจึงเรียนให้คุณหมอว่า ผมกำลังปลูกและขยายพันธุ์หน่อไม้ฝรั่ง เพื่อนำไปปลูกเป็นธุรกิจจริงๆจังๆที่ประเทศมัลดีฟครับ ดูเหมือนคุณหมอค่อนข้างจะงงว่า ส่วนใหญ่แล้ว ผมมักจะยุ่งๆอยู่กับเห็ดและพืชบางชนิดที่นำมาจากต่างประเทศ เช่น ต้นเบาบับ ต้นกำยานโอมาน ต้นมะเดื่อฝรั่ง แต่ทำไมวันนี้ จึงเปลี่ยนมาทำเรื่องหน่อไม้ฝรั่งละ พอผมเชิญท่านเข้าไปนั่งในแพสองชั้น ที่พึ่งทำมุ้งลวดล้อมทั้งหลังเพื่อกันยุ่งและแมลงเสร็จใหม่ๆ ถือว่า คุณหมอ คือ แขกกลุ่มแรกที่ให้เกียวรติมาใช้บริการแพหลังนี้หลังจากที่ปรับปรุงแล้ว

ผมจึงถือโอกาสร่ายยาวว่า ผมมีความผูกพันกับเรื่องหน่อไม้ฝรั่งมานานแล้ว โดยผมเคยไปฝึกงานและดูงานเรื่องการปลูกหน่อไม้ฝรั่งมาสมัยเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เมื่อปี 2517 ที่ไร่ของบริษัทอาหารสากล ที่ลำปาง กลุ่มเกษตรกรกำแพงแสนและราชบุรีนานมาแล้ว ซึ่งผมทราบดีว่า จริงๆแล้ว หน่อไม้ฝรั่ง เป็นพืชที่ปลูกมากที่สุดในอเมริกาและยุโรปมานานแล้ว โดยความเชื่อแต่ไหนแต่ไรมาคิดว่า หน่อไม้ฝรั่งปลูกได้เฉพาะบริเวณอากาศแถบหนาวเย็นเท่านั้น แต่พอมีนักวิชาการจากประเทศไทยไปศึกษาต่อที่อเมริกาแล้วนำเอาเมล็ดหน่อไม้ฝรั่งมาปลูกในไทยประมาณเกือบร้อยปีมาแล้ว พบว่าปลูกได้ดี ให้หน่อที่มีคุณภาพตลอดทั้งปี ดีกว่าทางอเมริกาและยุโรปเสียอีกที่สามรถให้ผลผลิตได้เฉพาะฤดูอบอุ่นเท่านั้น จึงทำให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้ผลิตหน่อไม้ฝรั่งบริโภคอย่างเพียงพอในประเทศ และเป็นผู้ผลิตหน่อไม้ฝรั่งเพื่อการส่งออกที่มีคุณภาพ อยู่ในลำดับต้นๆของโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง
ผมได้มาสนใจเรื่องหน่อไม้ฝรั่งอย่างจริงจังก็เมื่อปี 2532 ช่วงที่ผมได้รับเชิญจากองค์การค้าโลก แห่งสหประชาชาติ ให้ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดประจำประเทศกาน่า(แอฟริกาตะวันตก) โดยผมมีความสนิทสนมกับครอบครัวของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่นั่นในสมัยนั้นคือ Hon. Mr. Kofi Djin ผู้ซึ่งเป็นผู้มาพบผมที่ประเทศศรีลังกา เมื่อปี 2530 ท่านได้เห็นผลงานของผมที่นั่น ท่านจึงกำหนดตัวผมให้ไปช่วยสอนเรื่องเห็ดที่ประเทศกาน่า โดยท่านได้ให้เกียรติอย่างสูงแก่ผมพักอยู่บ้านของท่านที่อยู่ในเมืองหลวงคือ เมืองอัครา ในระหว่างนั้น ท่านรัฐมนตรีได้คุยกับผมว่า ท่านและครอบครัวชอบทานหน่อไม้ฝรั่งเป็นชีวิตจิตใจสมัยที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด เพราะท่านบอกว่า มันคือ สุดยอดของพืชที่มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงไต ช่วยขับของเสียในระบบเลือดออกทางปัสสาวะได้ดีมาก(สังเกตได้จาก ทานหน่อไม้ฝรั่งไปไม่ถึง 15 นาที เวลาปัสสาวะออกมาจะมีกลิ่นค่อนข้างรุนแรง นั่นคือ ของเสียจากร่างกายที่สารสำคัญในหน่อไม้ฝรั่งกระตุ้นให้ร่างกายขับออกมา) ท่านจึงสั่งหน่อไม้ฝรั่งสดๆจากอังกฤษมาทานเป็นประจำ แล้วถามผมว่า พอจะหาวิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่งที่ประเทศกาน่า ซึ่งมีอากาศร้อนจัดแบบบ้านเราได้ไหม เท่านั้นแหละครับ ความรู้ดั้งเดิมที่ผมเคยเรียนมา เคยฝึกงานมาสมัยเป็นนิสิตเริ่มร้อนวิชาขึ้นทันที ผมจึงตอบว่า สามารถปลูกได้ล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะประเทศไทยปลูกได้อยู่แล้วและสามารถปลูกส่งออกเป็นลำดับต้นๆของโลกเสียด้วย ท่านตื่นเต้นมาก แล้วสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการเพื่อการส่งออก (GEPC = Ghana Export Promotion Council) ที่มี Mr. Kwesi Ahwoi เป็นประธานอยู่ ให้นำเอายุทธศาสตร์การพัฒนาปลูกหน่อไม้ฝรั่งเป็นวาระที่สำคัญภายใต้คำแนะนำของผม

ขณะเดียวกัน ท่านรัฐมนตรีเอง ก็มีฟาร์มอยู่นอกเมืองเกือบพันไร่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก ท่านขอให้ผมบินกลับประเทศไทย เพื่อให้มาเอาเมล็ดและเหง้าเอาไปปลูกที่ฟาร์มของท่าน และสวนในบ้านของท่านที่เมืองหลวง ประเด็นที่ผมนำเอาประวัติต่างๆเหล่านี้มากล่าวในเรื่องของการปลูกหน่อไม้ฝรั่งที่ประเทศกาน่าตั้งแต่ปี 2532 ก็เพราะผมอยากจะบอกว่า ผมทึ่งมากที่ได้รับข่าวจากภรรยาของท่านรัฐมนตรีเมื่อไม่กี่วันมานี้ โดยท่านเป็นนักภาษาศาสตร์นักแปลในการประชุมสัมนาระดับอินเตอร์ที่สามารถพูดและแปลได้ถึง 5 ภาษา และเป็นแฟนประจำในเฟสบุคของผมในนาม Evelyne Djin โดยยืนยันด้วยข่าวดีและน่าตื่นเต้นว่า ต้นหน่อไม้ฝรั่งที่ผมปลูกไว้ตั้งแต่ปี 2532 ยังมีชีวิตอยู่ และยังให้ผลผลิตเป็นหน่อฝรั่งให้ท่านเก็บไปทำอาหารได้ดีอยู่ ตรงนี้ไง ที่ผมถือว่า น่าสนใจมากครับ เพราะนี้เวลาผ่านไปเกือบสามสิบปีแล้วครับหน่อไม้ฝรั่งที่ปลูกไว้ ยังให้ผลผลิตได้อยู่เลย จึงถือว่ามันเป็นพืชยืนต้นที่น่าสนใจยิ่ง ยิ่งในต่างประเทศเขาถือว่า หน่อไม้ฝรั่งถือว่าเป็นสุดยอดของอาหารประเภทผักที่มีคุณสมบัติทางยาที่ดีเลิศ ที่ไม่มีในพืชชนิดอื่น หลายประเทศเช่นอินเดีย อเมริกา ยุโรป ถือว่า หน่อไม้ฝรั่งเป็นอาหารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการฟอกเลือดและบำรุงไตดียิ่ง

ดังนั้น เรื่องของหน่อไม้ฝรั่งนั้น ผมต้องขออนุญาตร่ายยาวเจาะรายละเอียดทุกขั้นตอนต่อไป โดยจะนำเสนอเป็นตอนๆจากนี้ไป
ภาพหน่อไม้ฝรั่ง และกิจกรรมการปลูกหน่อไม้ฝรั่งเมื่อปี 2532 ที่ประเทศกาน่า โดยผมและรัฐมนตรีพาณิชย์ลงมือปลูกกันเอง โดยมีลูกๆในครอบครัวของท่านช่วย จากนั้นอีกสองปีต่อมาคือ ปี 2534 ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการส่งออก ได้จัดงานขอบคุณผมในฐานะที่เป็นคนแนะนำการปลูกหน่อไม้ฝรั่งประสพผลสำเร็จ จนกลายเป็นสินคา้ส่งออกที่สำคัญของประเทศนี้ในปัจจุบัน(ในภาพมีผู้จัดการบริษัทรีเวอร์บราเธอร์ ที่เป็นคนไทยทำงานที่นั่นให้เกียรติมาร่วมงานด้วย)