ผมจำได้ว่า เมื่อปลายปี 2517 ตอนที่ผมเป็นประธานชมเห็ด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่กำลังเปิดอบรมการทำเชื้อและเพาะเห็ดให้แก่ผู้สนใจทั่วไป โดยเปิดอบรมเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ติดต่อกันสองสัปดาห์ ซึ่งมีผู้สนใจล้นหลาม สมัครรอรับการอบรมหลายพันคน มีการอบรมอยู่รุ่นหนึ่ง มีสุภาพสตรีหน้าตาน่ารักและแต่งตัวเป็นดาวเด่นเข้ามารับการอบรม ซึ่งแน่นอนในฐานะที่ผมเป็นผู้นำการอบรม ผมยังอดไม่ได้ที่จะแอบมองไปหาเธออยู่บ่อยๆ เพราะความที่สะดุดตา น่ารักและโคตรสวยเลยอ่ะ(แต่ผมไม่กล้าเข้าใกล้เธอ เพราะผมเป็นคนกลัวผู้หญิงสวย) แต่ก็ด้วยเหตุผลประการใดไม่ทราบ หรือกลอนพาไป ประกอบการอบรมมีทั้งทางภาคทฤษฏีและปฏิบัติ โดยปกติ ผมจะรับผิดชอบในการบรรยายทางภาคทฤษฏี ส่วนภาคปฏิบัติ ก็จะมีเพื่อนร่วมงานรับผิดชอบดูแลไป (ผมจะต้องพัก เพราะบรรยายอย่างเดียวติดต่อกันภาคเช้า 3 ชม. ก็เหนื่อยแย่แล้ว) แต่รุ่นนี้ ผมเหมาทั้งบรรยายและปฏิบัติไปด้วยเลย โดยไม่รู้ตัวว่าเหนื่อยหรือไม่ ก็ได้เจอและได้คุยกับหญิงสาวดาวเด่น สุดท้ายก็ทราบว่า เธอคือ นักเขียนชื่อดังค้างฟ้าในช่วงนั้น โดยใช้นามปากกาว่า “ช่อลัดดา” ที่บรรดาสุภาพสตรียุคนั้นส่วนใหญ่ที่ชอบอ่านนวนิยาย มักจะรู้จักชื่อเสียงเธอดี ก็โอเค เมื่อได้คุยกันแล้ว ก็ถูกปากถูกคอยกันดี จนกระทั่งเธอได้เอาเรื่องของผมที่เกี่ยวข้องกับเห้ดไปเขียนผูกเป็นเรื่องเป็นราว นี่ก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่เป็นอานิสสงส์ที่เธอเขียน ทำให้มีคนตื่นตัวในเรื่องเห็ดเพิ่มขึ้น จากนั้น ผมสุดท้ายของการอบรม ก็ได้จัดไปทัศนศึกษาดูฟาร์มเห็ดที่ภาคเหนือ ตั้งแต่ลำปาง ไปถึงเชียงใหม่ โดยเหมารถทัวร์ปรับอากาศไปเธอก็เป็นส่วนหนึ่งที่ไปด้วย พอใครรู้ว่า นี่คือ นักเขียนชื่อดังนี่หว่า ผมก็คอยดังไปด้วยว่ามีศิษย์ มีเพื่อนเป็นนักเขียน แล้วก็ตรงนี้ไง ที่ผมได้รับการถ่ายทอดจากเธอ ที่ผมเป็นคนสอบภาษาไทยตกมาตลอด แต่ก็เพราะเธอเป็นแรงบันดาลใจ ทำให้ผมลองเขียนหนังสือ จนได้รับความไว้วางใจต่อมา ให้เขียนหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในคอลัมภ์ “หากินบนผืนแผ่นดินไทย”อยู่หลายปี
จากนั้นมา ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตามวิถีชีวิต ผมเองต้องไปทำงานอยู่ต่างประเทศ ส่วนเธอผมพอทราบคร่าวๆว่า ไปทำฟาร์มวัวอยู่ที่ตรัง แล้วกลับมาเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้แก่ บริษัทสุรามหาคุณ จนกระทั่งมาวันที่ 24 พฤษภาคม มีการนัดประชุมฝ่ายตลาดของกลุ่มคุณสุเทพ ที่อานนท์ไบโอเทค และคุณสุเทพบอกว่า จะมีเพื่อนเก่ามาร่วมด้วยสองคน ผมก็ครุ่นคิดอยู่ตั้งนานว่า เพื่อนเก่าของเราจะเป็นใครหนอ แต่พอเจอหน้าด้วยความตื่นเต้นและดีใจที่ได้พบเธอและสามี หลังจากที่เราไม่ได้เจอกันมากว่าสี่สิบปี


ครับมันไม่เป็นเรื่องยากอะไรเลย จากการที่เรารู้จักกัน เป็นเพื่อนกันมาแล้วมาเจอกัน เจอกันครั้งนี้ ก็ดูเหมือนทุกอย่างมันกลับมาเติมเต็ม มันอิ่ม มันปิติ มันเป็นการเติมเต็มในสิ่งที่เคยขาด แล้วยิ่ง ผมได้มีโอกาสกลับมาพักที่บ้านที่โชคชัยสี่ จึงนัดเพื่อนๆมาทานอาหารกันแบบครอบครัว แบบง่ายๆ แบบเพื่อนสนิท เธอก็บอกว่า ตรงนี้ มันใกล้บ้านเธอ และเรายังคุยกันไม่อิ่มพอ เธอบอกว่า เธอจะมาร่วมรับประทานอาหารด้วย สร้างความตื่นเต้นให้แก่พรรคพวก เพื่อนฝูง และเราได้เจอกัน คุยกันฉันญาติพี่น้องร่วมในครอบครัวเดียวกันจริงๆครับ


ดูเอาสิครับ คนเคยห่วงหาอาทรต่อกัน แม้จะไม่เจอกันกว่าสี่สิบปี สมัยก่อน เธอเคยเป็นครูคอยสอนการพูด การวางตัว การวางบุคลิกให้แก่ผม แม้ไม่เจอกันมาตั้งนานหลายสิบปี พอเธอเห็นสภาพร่างกาย และการวางตัวของผมชักออกนอกลู่นอกทาง แกก็ขออนุญาตมาตัดมาจับจุดให้ เพื่อให้รักษาสภาพความสง่าผ่าเผยดังเดิมให้ได้มากที่สุด แต่ด้วยวัย 64 ปีของผม ขณะที่เธอ 70 ปี ผมได้อนุญาตให้เธอปรับส่วนที่เห็นว่า มันออกนอกทางจะน่ากังวล แม้กระทั่งการยืน เธอเห็นว่า ผมชักจะหลังค่อม และอาจจะปวดศีรษะและเครียดได้ เธอก็จัดการดัดหลังให้ ทีแรกด้วยความเกรงใจเธอก็ใช้หัวเข่าช่วยดันหลังให้ แต่สี่สิบกว่าปีแล้วที่ไม่ได้ดัด ผมจึงอนุญาตให้ใช้ฝ่าเท้าของเธอ(ใส่ถุงเท้าและตรวจความสะอาดแล้ว)ส่วนยันสันหลังให้กลับคืนสภาพเดิม

 
ครับงานเลี้ยงต้องมีเลิกลา ก่อนกลับบ้าน คุณช่อลัดดาและสามี ก็ได้รับมอบของที่ระลึก คือ เห็ดไม๊ตาเกะ สุดยอดแห่งเห็ดเป็นยาสดๆจากประเทศญี่ปุ่น จากมือคุณคาวาโน ผู้จัดการของบริษัทผู้ผลิตเห็ดไม๊ตาเกะรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และเราได้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกันเป็นที่ระลึกด้วยครับ

ใส่ความเห็น