เห็ดเผาะ

ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล

Astraeus hygrometricus: commonly known as the hygroscopic earthstar, the barometer earthstar, or the false earthstar

It is reported as herbal medicine in China and India . Astraeus odoratus and A. asiaticus, have been described from Thailand and are similar to A. hygrometricus

เห็ดเผาะรักษาโรค

ทั่วโลกเขาถือว่าเป็นยาที่หายากและดีมากๆ มีหลายประเทศใช้เห็ดเผาะเป็นยากระตุ้นการหลั่งเอ็นไซม์ย่อยแป้งและน้ำตาล พูดง่ายๆก็คือ ไปเสริมและบำรุงตับอ่อนให้แข็งแรงและหลั่งอินซูลินมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่ขบวนการใช้น้ำตาลในร่างกายได้ดีขึ้น หรือพูดให้ตรงก็คือ ในหลายประเทศ เช่น อินเดีย เนปาล หลายประเทศในแอฟริกา เขาใช้เห็ดเผาะ เป็นยาที่สำคัญในการรักษาโรคเบาหวาน ดังนั้น เวลาเขาเจอเห็ดเผาะ จะจะทำการถนอมเห็ดเผาะด้วยการลวกน้ำร้อนเพื่อยับยั้งเอ็นไซม์เสียก่อน แล้วเก็บไว้ในตู้เย็นชั้นแช่แข็ง เพื่อใช้สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานทานเป็นประจำ สามารถที่จะช่วยรักษาโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดี โดยใหม่ๆ ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานอย่างรุนแรงและไตเริ่มเสื่อม ควรทานเห็ดเผาะร่วมกับยาควบคุมน้ำตาล แต่พอน้ำตาลสามารถควบคุมได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยา แต่ให้ทานเห็ดเผาะแทนเป็นประจำ วันละดอก สองดอกก็พอ อย่างไรก็ตาม สารที่มีคุณสมบัติเป็นยาในตัวเห็ดเผาะนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นสารโมเลกุลใหญ่ ร่างกายไม่สามารถนำเอาไปใช้ได้โดยตรง นอกจากเชื้อจุลินทรีย์ในระบบย่อยทำการย่อยเสียก่อน ดังนั้น หากไม่แน่ใจว่า ร่างกายเรามีจุลินทรีย์พวกนี้เพียงพอหรือไม่ ควรนำเอาเห็ดเผาะมาผ่านขบวนการหมักเสียก่อนจะดีกว่า
อนึ่ง บ้านเราส่วนใหญ่ นิยมทานเห็ดเผาะกันเพราะมันอร่อย แต่จริงๆแล้ว เห็ดเผาะ มีคุณค่าและสรรพคุณที่มากกว่าความอร่อย ชนิดที่บางท่านอาจจะไม่รู้ว่า เห็ดเผาะนั้นเป็นยาที่สุดยอดชนิดหนึ่ง นอกจากใช้รักษาโรคเบาหวานได้โดยตรงแล้ว เห็ดเผาะยังมีสรรพคุณดังนี้   (ขอบคุณ คุณทรงศักดิ์ วงศ์กาฬสินธุ์  ที่รวบรวมสรรพคุณเห็ดเผาะมาให้)

สรรพคุณและประโยชน์ของเห็ดเผาะ

– ช่วยในการบำรุงร่างกายให้ร่างกายแข็งแรง
– ช่วยรักษาอาการช้ำใน
– ช่วยป้องกันโรควัณโรค
– ช่วยป้องกันและยับยั้งการเกิดของเซลล์มะเร็งได้ดี
– ช่วยในการสมานแผลและผิวให้เรียบเนียน
– ช่วยในการลดอาการบวมหรืออักเสบ
– ช่วยแก้อาการร้อนใน และแก้ไข้
– ช่วยให้เลือดแข็งตัวได้เร็ว หยุดไหลได้ง่ายขึ้น
– ช่วยบรรเทาอาการคันตามนิ้วมือหรือนิ้วเท้า

คนในประเทศ ภูฎาน เนปาล อินเดีย บังคลาเทศ ศรีลังกา เขาหลงไหลในเห็ดเผาะมาก เพราะเขาไม่ได้เอามาทานแบบบ้านเรา แต่เมื่อไหร่ เขาเจอเห็ดเผาะ เขาถือว่า เป็นโชค ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้เอายาสุดยอด มาฝังบนดินไว้ให้ แล้วเขาก็จะเอมาทำยา ที่เห็นชัดๆ คือ เอาสปอร์(ดอกเห็ดแก่ ข้างในสีดำ) เอามานวดกับน้ำมันพืช เป็นยาห้ามเลือด แล้วเขาก็จะเอามาหมัก ทำเป็นยาแก้อักเสบ แก้ฝี แก้เบาหวาน

ซึ่งเห็ดเผาะ นั้น มันเป็นมากกว่าที่เราคิด เพราะ มันมีสารมากมายที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะสาร  Heteroglucan ที่รู้จักกันในนาม AE2, triterpenoid และอีกมากมาย ที่มีความพิเศษสุดในการเสริมภูมิ และการสร้าง Nitric acid (NOS = Nitric acic synthesis) ที่ทำให้ขบวนการของ Insulin เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสารในเห็ดเผาะ มันจะไปกระตุ้นให้ร่างกาย บริเวณกล้ามเนื้อส้รางกรดไนตริกขึ้นมา เพื่อทำให้ขบวนการเผาผลาญน้ำตาลอย่างมีประสิทธิภาพ
นักวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะวงการแพทย์ของอินเดีย ได้ทำการศึกษาเรื่องเห็ดเผาะเป็นยากันอย่างกว้างขวางและเป็นเวลานาแล้ว สามารถดูได้จากเอกสารทางวิชาการจำนวนมากของเห็ดเผาะ ที่ได้มีการศึกษาถึงสารเคมี และการที่สารต่างๆในเห็ดเผาะ มีผลต่อการรักษาโรคสารพัด

ที่อินเดีย เขาใช้เห็ดเผาะ เป็นยารักษาโรควัณโรค เพราะจากการศึกษาพบสาร Lanostane-type triterpenes ที่ช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อวัณโรคได้ผลของสาร AE2 ต่อผลของอินซูลิน ในการใช้น้ำตาลของร่างกาย ที่ช่วยผู้ป่วยเบาหวาน Diabetes typeII ได้ ที่สำคัญสุดๆ พบว่า ในเห็ดเผาะนั้น มีสารที่สำคัญที่เสริมกันในการสร้างและเสริมภูมิได้อย่างสุดยอด หากจะใช้เห็ดเผาะร่วมรักาษาโรคเบาหวานนั้น สมควรใช้เห็ดเผาะที่แก่ ที่สร้างสปอร์แล้ว คือ แข็ง ข้างในเป็นสีดำ ขายไม่ออก ราคาถูกมากๆแล้ว นั่นแหละดีที่จะเอาไปทำยา แล้วเอามาหมัก ก่อนหมักควรผ่าให้ดอกแง้มหรือเปิดเสียก่อนจะดีขึ้น จะหมักด้วยจุลินทรีย์ยูเอ็ม 55 แล้วผึ่งให้แห้งด้วยลม อย่างนี้ จะได้เห็ดเผาะที่ผ่านขบวนการหมัก มีเอ็นไซม์และจุลินทรีย์ติดไปด้วย จะช่วยทั้งการย่อย เพิ่มเอ็นไซม์ และคุณสมบัติทางยาในเห็ดเผาะ หรือหมักในน้ำผสมน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง ประมาณ 1-2 เดือน แล้วทานทั้งน้ำทั้งกาก ก็จะได้สรรพคุณทางยาในเห็ดเผาะที่อยู่ในรูปที่ร่างกายเอาไปใช้ได้
การที่เห็ดเป็นยา จะมีประสิทธิผลใน “การรักษาโรค” นั้น มันต้องเป็นองค์รวม หมายถึงว่า มีสารธรรมชาติหลายชนิด ทำงานเกื้อกูลกัน ไม่ควรทานเฉพาะเห็ดเผาะเท่านั้นที่จะใช้รักษาโรคอะไรก็แล้วแต่ รวมทั้งโรคเบาหวาน ควรผสมเห็ดอื่น ที่จะช่วยปรับสมดุล ล้างอนุมูลอิสระ เสริมภูมิไปด้วย เช่น เห็ดกระดุมบราซิล เห็ดกระถินพิมาน เห็ดฮุนชิ เห็ดหลินจือ เห็ดไม๊ตาเกะ เห็ดหิ้งไซบีเรีย เข้าไปด้วย   แต่เนื่องจากสารต่างๆที่มีสรรพคุณทางยานั้น ส่วนใหญ่ อยู่ในรูปที่เป็นโมเลกุลขนาดใหญ่ ซึ่งระบบดูดซึมของร่างกายจะเอาไปใช้ไม่ได้ มันจะต้องถูกย่อยหรือถูกแปลงโดยเอ็นไซม์จากจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ที่เรียกว่า โปรไบโอติก ทำการย่อยให้เป็นรูปที่ร่างกายเอาไปใช้ได้เสียก่อน

สารโพลีแซคคาไลน์ เบต้าคลูแคน ที่มีคุณสมบัติเป็นยาของเห็ด เป็นสารละลายน้ำได้ เมื่อนำเห็ดมาต้ม การดิ่มน้ำที่ต้มเห็ดหรือทานเห็ด ร่างกายก็สามารถได้สารตัวนี้ เพียงแต่ว่าสารโพลีแซคคาไลน์ เป็นน้ำตาลโมเลกุลใหญ่ หากร่างกายเราไม่มีจุลินทรีย์ โปรไบโอติก ที่จะช่วยย่อยสารนี้ ร่างกายเราก็ไม่สามารถนำสารนี้ไปใช้ประโยชน์ได้ หรือได้ก็ไม่ดีที่สุด เพราะร่างกายเราในปัจจุบัน จุลินทรีย์เหล่านี้ถูกทำลายจากการบริโภคอาหารที่มีสารกันบูด ยาสังเคราะห์ อาหารสังเคราะห์ และมลพิษต่างๆ จึงมีความจำเป็นที่ควรจะทำการย่อยโพลีแซคคาไลน์นี้ เช่นการหมักโดยจุลินทรีย์โปรไบโอติค เพื่อที่ร่างกายเราจะสามารถนำสารนี้ไปใช้ประโยชน์ได้ดีมากขึ้น เปรียบเทียบกับการดื่มเครื่งดื่มเกลือแร่ ที่มีน้ำตาลซูโคลสที่มีน้ำหนักโมเลกุลน้อยกว่าน้ำตาลทราย หรือเกลือแร่ที่มีกลูโคส       เมื่อเราดื่มเข้าไปเราจะรู้สึกสดชืนได้เร็วกว่าการดื่มน้ำหวานที่ใส่น้ำตาล ซึ่งมีโมเลกุลใหญ่กว่า ซึ่งสารโพลีแซคคาไลน์นั้นมีน้ำหนักโมเลกุลที่มากกว่าน้ำตาลมากมายหลายเท่า

นักวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะวงการแพทย์ของอินเดีย ได้ทำการศึกษาเรื่องเห็ดเผาะเป็นยากันอย่างกว้างขวางและเป็นเวลานาแล้ว สามารถดูได้จากเอกสารทางวิชาการจำนวนมากของเห็ดเผาะ ที่ได้มีการศึกษาถึงสารเคมี และการที่สารต่างๆในเห็ดเผาะ มีผลต่อการรักษาโรคสารพัด

 

ในเห็ดเผาะนั้น มีสารที่สำคัญที่เสริมกันในการสร้างและเสริมภูมิได้

ผลของสาร AE2 ต่อผลของอินซูลิน ในการใช้น้ำตาลของร่างกาย ที่ช่วยผู้ป่วยเบาหวาน Diabetes typeII ได้

ที่อินเดีย เขาใช้เห็ดเผาะ เป็นยารักษาโรควัณโรค เพราะจากการศึกษาพบสาร Lanostane-type triterpenes ที่ช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อวัณโรคได้   สำหรับคนที่มีเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในระบบการย่อยมากพอก็โอเค
แต่คนที่ทานอาหารที่มีสารกันบูด เช่นน้ำอัดลมแทบทุกยี่ห้อ อาหารใส่สารกันบูด หรือยาปฏิชีวนะเข้าไป การทานเห็ดเป็นยาเข้าไปจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เพราะจุลินทรีย์ที่เรยกว่า โปรไบโอติกถูกทำลายไปแล้วจึงจำเป็นต้องนำมาหมัก เพื่อให้ร่างกายนำสรรพคุณทางยาไปใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้น

การเพาะเห็ดเผาะ


อย่าลืมว่า เห็ดเผาะสามารถเพาะขึ้นมาได้ โดยอาศัยต้นไม้ที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งจะอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน เช่น ไม้ยาง ไม้เต็งรัง เป็นต้น

ส่วนความเข้าใจว่าต้องเผาป่าเผาดอยถึงจะมีเห็ดเผาะ  เป็นความเข้าใจผิดที่สุดของชาวบ้านที่มักง่ายและเห็นแก่ได้ เห็นความสะดวกในการล่าเห็ดในสถานที่ จึงทำการเผาป่า เพื่อจะให้ป่าโล่งเตียน สะดวกแก่การเดินการเสาะหาเห็ด ซึ่งอาจจัดูโล่งและหาเห็ดได้ง่ายในฤดูนั้น     แต่ผลระยะยาวจะทำลายระบบนิเวศน์และหากต้นไม้ที่เป็นที่เห็ดอาศัยอยู่ตาย
แล้วตอนที่มีการณรงค์ปลูกป่ากันขนานใหญ่ ถามว่าที่ปลูกป่าลงทนลงแรงมหาศาล แต่ถามว่ามันมีกี่ที่กี่แห่งที่ปลูกป่าแล้วได้ผล พอปีสองปีให้หลังต้นไม้ก็ตายหมด เพราะมันไม่แข็งแรง หาอาหารเองไม่ได้ มันต้องอาศัยเห็ดไปอยู่ปลายรากของพืชแล้วมันจึงจะหาอาหารและเจริญเติบโตได้   พืชส่วนใหญ่จะต้องดูดเอาธาตุอาหารมาจากวัสดุปลูกเช่นดิน โดยอาศัยรากฝอย แต่รากฝอยของพืช ไม่สามารถดูดอาหารเข้าไปใช้ได้โดยตรง ดังนั้น ตรงปลายรากฝอยจึงมีจุลินทรีย์เล็กอาศัยอยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน โดยจุลินทรีย์เหล่านี้ จะทำการย่อยสลายอาหาร ให้รากของพืชดูดซึมเอาไปใช้ ขณะเดียวกัน จุลินทรีย์ก็จะได้พลังงานจาต้นพืช เห็ดเป็นหนึ่งในจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ปลายรากของพืช เมื่อมีเส้นใยของเห้ดที่คอยย่อยอาหารให้พืชมากขึ้นเท่าไหร่ และมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เห็ดนั้นก็จะเกิดขึ้นมาบนดิน เช่น เห็ดตับเต่า เห็ดเผาะ เห็ดระโงก เห็ดมัสสุตาเก๊ะ เห็ดทรัฟเฟิล เห็ดพวกนี้จะมีราคาแพงมาก ไม่สามารถเพาะได้ดั่งเช่น เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า หรือเห็ดฟาง เห็ดพวกนี้ ต้องอาศัยต้นพืชเป็นๆ ที่เราเรียกว่า ไมคอไรซ่า ดังนั้น ในต่างประเทศ จึงทำการส่งเสริมเพาะเห็ดพวกนี้เป็นธุรกิจ เนื่องจาก ต้นพืชต้นไหนที่มีเห็ดเกาะที่ราก ต้นพืชนั้นก็จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและสมบูรณ์ ขณะเดียวกัน ก็จะมีเห็ดที่มีราคาแพง ที่ตลาดต้องการเกิดขึ้นตลอดไป จนกระทั่งต้นไม้ตาย ในยุโรป แอฟริกาใต สวาซิแลนด์ จีน ได้ใช้นโยบายส่งเสริมให้คนปลูกเห็ดร่วมกับต้นไม้ เมื่อได้เห็ดเป็นธุรกิจ ก็จะได้ป่า ที่จะช่วยทำให้สภาพบรรยากาศดียิ่งขึ้น บ้านเราๆมีเห็ดหลายชนิดที่เป็นไมคอไรซ่า เช่น เห็ดตับเต่า เห็ดเผาะ เห็ดโคน เห็ดเสม็ด เห็ดระโงก เห็ดมันปู เกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่แล้ว มาช่วยกันเถอะ ช่วยกันศึกษาหาแนวทางปลูกเห็ดไมคอไรซ่าช่วยชาติกันเถอะ
 

Similar Posts