เห็ดรัสเซียเพื่อสุขภาพ Mushroom Tea

ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล
ผู้เชี่ยวชาญเห็ด(อาวุโส) องค์การค้าโลก แห่งสหประชาชาติ

จำได้ว่า เมื่อปลายปี พ.ศ. 2517 ขณะที่กำลังสอนผู้เข้ารับการอบรมเห็ด ที่ชมรมเห็ดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ผมเป็นประธานชมรมอยู่นั้น มีนักเรียนจากโรงเรียนเซนต์จอห์น ลาดพร้าว ได้นำเอาขวดกาแฟ ที่ข้างในมีน้ำชาและมีแผ่นสีขาวๆหนาๆลอยอยู่ข้างบนนำมาให้แล้วบอกว่า นี่คือ ชาเปรียวจากเห็ดรัสเซีย(แกบอกว่า ชาเปรียว ไม่ใช่ ชาเปรี้ยว) และแกก็เล่าต่อว่า ที่เห็นเป็นสีขาวๆนั่นแหละ คือ ตัวเห็ดมหัศจรรย์ ที่จะต้องเลี้ยงอยู่ในน้ำชาเท่านั้น โดยแกก็เล่าต่ออีกว่า เชื้อเห็ดมหัศจรรย์นี้ เป็นมรดกตกทอดมาจากประเทศจีน แต่ก็ไม่กล้าที่จะเปิดเผยว่ามาจากจีน เพราะเกรงว่า จะถูกยัดข้อหาจากรัฐบาลขณะนั้นว่า เป็นคอมมิวนิสต์ จึงเลี่ยงว่า เป็นเห็ดมหัศจรรย์มาจากประเทศรัสเซีย หรือที่เรียกสั้นๆว่า เห็ดรัสเซีย ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่ผู้ใดทำการเพาะเลี้ยงเห็ดรัสเซีย แล้วเอาน้ำที่ได้จากการเพาะเลี้ยงดื่มเป็นประจำทุกวัน จะช่วยป้องกันกำจัดโรคต่างๆมากมายหลายชนิด

นอกจากนี้ ยังช่วยลดความอ้วน รักษาผิวพรรณให้เปล่งปลั่งได้อย่างสุดยอด ผมจึงไม่ได้รอช้า รับของมาแล้ว ก็ร้อนวิชาทำการเพาะเลี้ยงตามที่บอกมา แล้วก็ทำตัวเป็นหน่วยกล้าตายลองดื่มน้ำชาที่ใช้เพาะเลี้ยงเห็ดรัสเซียดู ก็มีความรู้สึกว่า มันเปรี้ยวคล้ายน้ำส้มสายชูอ่อนๆ ทำให้คิดย้อนไปในอดีต เมื่อครั้งคุณพ่อและคุณลุงของผมทำน้ำส้มสายชูใช้เอง ด้วยการนำเอาสาโท(ข้าวเหนียวหมักกับเชื้อทำเหล้า)มาใส่ขวดโหลปากกว้าง แล้วเอากล้วยหักมุกใส่เข้าไป ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2-3 เดือน ก็จะมีแผ่นวุ้นสีขาวเช่นกันเกิดขึ้นเป็นแผ่นหนาๆอยู่ด้านบน น้ำใสจะมีรสเปรี้ยวเป็นน้ำส้มสายชู สำหรับใช้ทำพริกน้ำส้มใส่ก๋วยเตี๋ยว ก็คือ เชื้อชนิดเดียวกัน นั่นก็คือ เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่า Acetobactor acetii ที่มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนน้ำตาลหรือแอลกอฮอล ให้เป็นกรดน้ำส้มสายชูAcetic acid)นั่นเอง ส่วนแผ่นวุ้นที่ลอยอยู่ด้านบน ไม่ใช่เห็ด เป็นเซลลูโลส ที่เชื้อแบคทีเรียสร้างขึ้นมาเพื่อพยุงตัวให้รับออกซิเจนหรืออากาศ ซึ่งแผ่นวุ้นดังกล่าว จะหนักกว่าน้ำ ดังนั้นมันจึงค่อยๆจมน้ำตลอดเวลา ทำให้เชื้อแบคทีเรียต้องสร้างเซลลูโลสพยุงตัวตลอดเวลาเช่นกัน เป็นเหตุให้ ยิ่งปล่อยให้เกิดการหมักยิ่งนาน แผ่นวุ้นก็ยิ่งหนาขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า จะรู้ว่าสิ่งที่ได้รับจากนักเรียนเซนต์จอห์นไม่ใช่เห็ด แต่เนื่องจากผมรับผิดชอบบริหารงานให้กับชมรมเห็ด ก็เลยอาศัยชื่อ เห็ดรัสเซียแนะนำส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการอบรมเห็ด นำเอาไปเพาะเลี้ยงไว้รับประทาน เพราะอย่างน้อยก็จะได้น้ำส้มสายชูแท้ๆ แล้วยังได้วุ้นเอามาเชื่อมทำขนมได้อีก ปรากฏว่า ระยะนั้น ข่าวเรื่อง การทำชาเปรียวจากเห็ดรัสเซียเป็นเรื่องโด่งดังมาก

จนกระทั่งคุณลุงประยูร จรรยาวงษ์ ได้มาขอพบและเอาไปเพาะเลี้ยงต่อ โดยท่านเป็นผู้แนะนำผมให้รู้จักกับบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ จนได้รับการติดต่อให้เขียนบทความในคอลัมน์ ” หากินบนผืนแผ่นดินไทย ” ตั้งแต่ปี 2518-2520 และก็เกิดเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อว่า ปัจจุบัน การหมักน้ำส้มสายชูธรรมชาติ กลายเป็นเรื่องฮิตฮือฮาไปทั่วสารทิศ โดยป้าเช็ง ที่กลายเป็นประหนึ่งศาสดาในเรื่องนี้ จนสามารถกลายเป็นเจ้าของเคเบิลทีวีที่โด่งดังอย่างเหลือเชื่อ คำถามจึงมีอยู่ว่า เห็ดรัสเซียดังกล่าว มีประโยชน์ต่อสุขภาพจริงสมดังคำอวดอ้างจริงหรือ คำตอบก็คือ จริงครับ แต่ต้องบอกว่า มันไม่ได้เป็นยาหรือเป็นอาหารทั่วๆไป มันเป็นเพียงแต่ตัวเสริมเท่านั้น กล่าวคือ การที่แบคทีเรียชนิดนี้เปลี่ยนน้ำตาลซึ่งเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่ ให้เป็นกรดน้ำส้ม ซึ่งมีโมเลกุลเล็กลงประมาณ 2 เท่านั้น เวลาเราทานเข้าไป ร่างกายจะดูดเอาไปใช้ได้ทันที เราจะมีความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ไม่รู้สึกหิว เพราะตัวน้ำส้มสายชูเอง ก็เป็นแหล่งพลังงานคล้ายน้ำตาลอยู่แล้ว

ตรงนี้เอง ที่เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับท่านที่ต้องการลดน้ำหนัก ท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับไขมันอุดตันในเส้นเลือด รวมทั้งกรดยูริกสะสมตามข้อต่อ ที่ทำให้เกิดโรคไขข้ออักเสบ กรดน้ำส้มจะช่วยละลายไขมันที่อุดตันนี้ได้ มันจึงส่งผลไปถึงป้องกันไขมันอุดตันตามผิวหนังด้วย ทำให้หน้าตาและผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแน่นอนที่สุด เชื้อแบคทีเรียนี้ ถือเป็น เชื้อจำพวกโปรไบโอติก ที่มีประโยชน์ต่อขบวนการย่อยในร่างกาย ดังนั้น สารอาหารบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สารที่ออกฤทธิ์เป็นยา ที่มีอยู่ในสมุนไพร รวมทั้งเห็ดทั้งหลายนั้น จะอยู่ในรูปสารประกอบขนาดใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น เห็ดเป็นยา สารที่มีฤทธิ์เป็นยาจะอยู่ในรูปน้ำตาลเชิงซ้อนขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า โพลี่แซคคาไรด์ นั้น ร่างกายไม่สามารถนำเอาไปใช้ได้ จึงเกิดความเข้าใจผิดกันอย่างมาก ที่นำเอาสมุนไพรหรือเห็ดมาบด หรือมาต้มเพื่อนำไปทำเป็นยา เนื่องจากร่างกายไม่มีความสามารถดูดเอาสารดังกล่าวไปใช้ได้ เว้นเสียแต่ว่า ในระบบการย่อยภายในร่างกายของเรามีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ที่เรียกว่า โปรไบโอติกอยู่ (ผู้ที่ทานน้ำอัดลมหรืออาหารที่ใส่สารกันบูด เชื้อจุลินทรีย์โปรไบโอติก จะถูกทำลายไป) การทานเห็ดเป็นยาหรือสมุนไพรก็ย่อมได้ผลไปด้วย ดังนั้น หากเอาสมุนไพร หรือเห็ด ไปผ่านขบวนการหมักด้วยเชื้อน้ำส้มสายชูเสียก่อน เชื้อแบคทีเรียนี้ ก็จะไปช่วยย่อยสารที่มีฤทธิ์เป็นยาให้อยู่ในรูปที่ร่างกายนำเอาไปใช้ได้

เหตุผลตรงนี้เอง ที่ทำให้ผลงานของป้าเช็ง ที่กลับมาปลุกกระแสเห็ดรัสเซียอีกครั้ง ที่ดังระเบิดไปทั่วทุกสารทิศของประเทศ ก็ด้วยความมหัศจรรย์ของเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวนี้เอง เพียงแต่สิ่งที่ควรระวังในการให้ได้เชื้อน้ำส้มสายชูบริสุทธิ์มานั้น หากทำการหมักด้วยการอาศัยเชื้อจากธรรมชาติ ย่อมมีความเสี่ยงที่สูงมาก ที่อาจจะเจอเชื้อที่ไม่ปรารถนา เช่น เชื้อที่เป็นสาเหตุทำให้อาหารเป็นพิษหรือทำให้เกิดอาการท้องร่วงหรือเป็นสาเหตุของโรคแทรกซ้อน จึงขอแนะนำสำหรับท่านที่กำลังทำการหมักทั้งหลาย หากเป็นไปได้ ควรใช้เชื้อบริสุทธิ์ช่วยในการหมักจะดีกว่า และจากการศึกษาพบว่า เชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย(โปรไบโอติก)นั้นมีมากมายหลายร้อยชนิด กลุ่มจุลินทรีย์ดังกล่าว ที่ผมใช้เวลาเกือบค่อนชีวิตทำการศึกษาและคัดเลือกมาใช้เพื่อการหมักเห็ดเป็นยาและสมุนไพร ที่ใช้ชื่อว่า เชื้อยูเอ็ม55นั้น มีประสิทธิภาพในการหมักหรือการช่วยย่อยได้ดีกว่าเชื้อทำน้ำส้มสายชูชนิดเดียว

เพิ่มเติม เห็ดรัสเซีย ในสมัยก่อนนั้นได้กลับมาโด่งดังมากในอเมริกาตอนนี้คือ  คอมบูชา KomBucha

ซึ่งการหมักเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพนี้ได้มีมาหลายพันปี อาจจะก่อกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น  จีน แต่บางที่ก็ว่า ประเทศรัสเซีย

กระบวนการในการหมักก็คือใช้ชาเขียว หรือชาดำ น้ำตาลและเชื้อจุลินทรีย์  Scoby ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ประกอบด้วยแบคทีเรียและยีสต์  ที่ทำงานร่วมกัน จนเมื่อสิ้นสุดกระบวนการคือการสร้างแผ่นวุ้น ลักษณะแผ่นวุ้นนี้ทำให้เรียกว่า ชาเห็ด  Mushroom Tea  รสชาดเปรี้ยว กลิ่นคล้ายน้ำส้มสายชู  มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่น วิตามินบี กรดแลคติด ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย  ต้านอนุมูลอิสระ โปรไบโอติก ระบบขับถ่าย ระบบย่อยอาหาร  ทอลซิลอักเสบ ท้องเสีย ปวดเมื่อย ฯลฯ โดยการหมักจะใช้เวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์

เห็ดชานี้ได้เคยใช้เป็นยาสามัญประจำบ้านของคนในประเทศรัสเซีย ที่ใช้รักษาทุกโรค

รูปภาพและข้อมูลเพิ่มเติมจาก 

http://www.mnn.com/food/healthy-eating/stories/kombucha-tea-risks-and-benefits

https://en.wikipedia.org/wiki/Kombucha

http://healthawarenessforall.com/