ลูกสาว(น้องมด) ของพี่สาว(ป้านี) ของเพื่อนสนิท(คุณสุชาดา เรียกสั้นๆว่า ดา) ของอาจารย์แม่ ที่ไปอยู่อเมริกาตั้งแต่จบชั้นประถมที่ 4 จากประเทศไทย เมื่อกว่าสามสิบปีมาแล้ว ซึ่งพวกเราก็ถือกันว่า เป็นหลานรัก เป็นคนในครอบครัว เมื่อปีที่แล้ว ได้ไปตรวจสุขภาพ พบว่า เป็นมะเร็งเต้านมประมาณ 2 ซม. ทำให้ญาติๆทุกคนที่อยู่อเมริกาด้วยกัน และอีกจำนวนมากที่อยู่ประเทศไทย ต่างเป็นกังวล อย่างไรก็ตาม ก็ยังถือว่าดี ที่ตรวจเจอก่อน ยังไม่อยู่ในขั้นของการแพร่กระจาย

คุณหมอที่อเมริกาก็จะทำการรักษาให้ทันที ด้วยการให้คีโมตามคอร์สที่ถือว่า ทางบริษัทมหาอำนาจที่ผลิตยามะเร็ง ขายไปทั่วโลก เป็นผู้ครอบงำและกำหนดชะตาชีวิต ที่ผู้ป่วยมะเร็งจะต้องได้รับยาชนิดต่างๆ แน่นอน ยาที่ฉีดเข้าไปทำลายเซลมะเร็งนั้น มันไม่ได้มีความจำเพาะเจาะจงว่า มันจะเข้าไปทำลายเซลมะเร็งเท่านั้น มันผ่านตรงไหน มันก็จะเข้าไปทำลาย โดยเฉพาะเซลที่มีความไวและกำลังเจริญเติบโตก็จะถูกทำลายไปด้วย นั่นแหละครับที่เรียก ผลข้างเคียงหรือ Side Effects ที่ผู้ป่วยมะเร็งเมื่อได้รับยาคีโม มักจะมีอาการผมร่วง(เพราะเซลตรงโคนขน ไวต่อการถูกทำลายเร็วมาก) ชาที่ปลายประสาท ที่สำคัญ ภูมิคุ้มกันจะต่ำลง เพราะ ในเมื่อเซลถูกทำลาย ภูมิคุ้มกันมีหน้าที่ไปปกป้องเซลที่ถูกทำลาย และต่อต้านไม่ให้สิ่งแปลกปลอม รวมทั้งสารหรือยาคีโมเข้าไปทำลายเซลใหม่ๆอีก ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยต่ำลง สังเกตได้จากค่าของเม็ดเลือดขาว(White Blood Cells) และเกล็ดเลือด(Platelets)

Platelets2

ดังนั้น การที่ผู้ป่วยมะเร็ง หรือป่วยใดๆก็แล้วแต่ ที่ต้องทานยาเข้าไปทำลายเซลแล้วล่ะก็ มักจะมีปัญหา ค่าของเกล็ดเลือดต่ำ ในกรณีของคุณมดก็เช่นกัน คุณหมอได้วางแผนไว้ว่า ในระหว่างที่ให้คีโมนั้น จะต้องมีการให้ยาอีกชนิดหนึ่ง ที่จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเกล็ดเลือดขึ้นมาให้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องการ ปกติต้องอยู่ที่ 100,000 – 400,000ต่อเลือด 1 mm3 เกล็ดเลือดโดยทั่วไปจะมีอายุขัยในเลือดประมาณ 10 วัน ค่าผิดปกติที่ถือว่าวิกฤติ < 50,000 หรือ > 1 ล้าน ต่อเลือด 1 mm3 หน้าที่ของเกล็ดเลือด เมื่อเกิดบาดแผลหรือเซลปกติถูกทำลาย จะช่วยให้เลือดที่ไหลออกมาเกิดการแข็งตัว อันเป็นการห้ามเลือดมิให้ไหลพ้นออกนอกร่างกายมากเกินไป มีหน้าที่กลืนกินสิ่งแปลกปลอม เช่น ไวรัสบางชนิด มีหน้าที่เก็บสะสมสารชีวเคมีบางอย่าง เช่น ฮอร์โมน epinephrine, serotonin และเอ็นไซม์บางชนิด

ปัจจุบันที่อเมริกา ได้พัฒนาวิธีการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเกล็ดเลือดได้โดยวิธีใช้สายรัดไว้ที่แขน แล้วจะมีโปรแกรมสั่งการไว้ว่า เมื่อไหร่ร่างกายมีเกล็ดเลือดต่ำ โปรแกรมที่ตั้งไว้ จะสั่งการให้ฉีดยากระตุ้นเข้าไปทันที เป็นเครื่องที่ทันสมัยและผู้ป่วยต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงมาก แต่ดูดี ดูน่าเชื่อถือ (มันเป็นวิธีการหรือละครของการหาเงินของเจ้าของบริษัทผู้มีปัญญา ที่ต้องการสูบเงินจากผู้ป่วยทั้งน้าน) ซึ่งคุณมดและทุกคนทราบดีว่า การรักษามะเร็งของแพทย์ทางตะวันตก ที่เราเรียกว่า สมัยใหม่ล้ำยุคนั้น มันเป็นการตั้งโปรแกรมล๊อคเอาไว้เลย ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยเตรียมตัวหาเงินมาใช้ในการรักษาให้ได้ โดยไม่สามารถต่อรองได้ เพราะมีชีวิตเป็นเดิมพัน ในส่วนของความกังวลสำหรับคนที่อยู่ในประเทศไทย ที่คอยลุ้น คอยหาทางช่วย ไม่ได้ทำเฉพาะไปทำบุญ ขอพรสารพัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะช่วยให้คุณมดปลอดภัยจากโรคมะเร็งเต้านมนี้

[envira-gallery id=”8023″]

ในฐานะที่คุณดาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของอาจารย์แม่ ตั้งแต่เรียนอนุบาลที่จังหวัดนครพนมมาด้วยกัน โดยสนิทกันทั้งครอบครัว ได้มาปรึกษาเพื่อจะหาทางช่วยหลานมด ทางอาจารย์แม่ไม่รอช้า ได้ให้คุณดา รีบส่งเห็ดเป็นยาและเอ็นไซม์ไปให้คุณมดทาน ประกอบกับคุณมดเองได้ค้นหาข้อมูลเสริมว่า ทานเห็ดเป็นยา จะช่วยผู้ป่วยมะเร็งได้อย่างไร มันมีสารหรือกลไกใดที่จะทำให้การรักษามะเร็งได้ดีขึ้น ก็พบว่า ในต่างประเทศมากมาย ที่เขาใช้เห็ดเป็นยา เป็นอาหารเสริม เพราะมันมีสารเบต้ากลูแคนและอื่นๆอีกหลายอย่าง ที่ไปช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ และมันคือ แชมป์หรือฮีโรในการกระตุ้นการสร้างเกล็ดเลือดได้อย่างรวดเร็ว คุณมดเลยตัดสินใจกินเห็ดเป็นยาที่ส่งไปให้ พร้อมทั้ง หาเห็ดที่มีขายในตลาดที่อเมริกา มาทำอาหารทานเสริมเข้าไปด้วย

ปรากฏว่า ขณะที่คุณมดได้รับคีโมนั้น ช่วงหลังๆมีผลข้างเคียงที่เห็นได้ชัด คือ ผมร่วง แต่หมอผู้รักษางงว่า ทำไมคุณมดไม่มีอาการแพ้มากเหมือนผู้ป่วยรายอื่น แถมผมที่ร่วงกลับงอกขึ้นใหม่อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญที่สุด เกล็ดเลือด ที่ผู้ป่วยทุกรายที่ได้รับคีโมติดต่อกันหลายครั้งจะต้องต่ำลง และจะต้องให้ยากระตุ้นเกล็ดเลือดที่มีราคาค่อนข้างแพง แต่รายของคุณมด กลับพบว่า เกล็ดเลือดของคุณมดกลับไม่ทรุดตัวลงมากเหมือนคนอื่น โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยากระตุ้นเกล็ดเลือดเลย คุณหมอเลยถามคุณมดว่าไปทานอะไรมา คุณมดก็ตอบอย่างไม่ปิดบังว่า ไปทานเห็ดที่มีสรรพคุณเสริมภูมิดีๆ ที่ส่งไปจากอานนท์ไบโอเทค ปกติแล้ว ตามหลักในการรักษาแพทย์ปัจจุบันนั้น หมอจะห้ามทานอะไรที่เป็นข้อสงสัย นอกจากยาและอาหารที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้แล้ว ที่ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตาม แต่สำหรับคุณมด พอหมอทราบว่า คุณมดทานเห็ดที่ทานได้ทั่วไป จึงอนุญาตให้ทานเห็ดเป็นยาจากอานนท์ไปโอเทคได้อีกต่อไป ก็เป็นเรื่องน่ายินดีครับว่า แม้กระทั่งหมอที่อเมริกายังงงกับเห็ดเป็นยา ที่สามารถเสริมภูมิ สร้างเกล็ดเลือดให้สูงได้อย่างปกติ สม่ำเสมอ ก็เลยอยากจะย้อนถามกลับว่า แล้ววงการแพทย์ในประเทศไทยล่ะ

[envira-gallery id=”8026″]

เป็นข้อความรายงาน และการสนทนาผมกับคุณมด (ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้าตากันเป็นๆมาก่อน) ได้เขียนมาบรรยายในรายละเอียดว่า หมอซักถามอย่างไร พร้อมทั้งขอบคุณ และอนุญาตให้ผมนำเอาเรื่องราวต่างๆมาเป็นเผย เพื่อนเป็นวิทยาทาน ก็ขอขอบคุณแทนคนไทยทุกคนที่ได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เช่นนี้ครับ และขอให้คุณมดปลอดภัยจากอาการป่วยครั้งนี้ด้วยเถอะ

Similar Posts

ใส่ความเห็น