เวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วย หรือสุขภาพไม่แข็งแรง หรือเราต้องการบำรุงร่างกายแล้วเราจะต้องไปขอคำแนะนำจากผู้รู้ว่าจะทำอย่างไรดี โดยจะมีคำตอบเป็นสูตรสำเร็จว่า ให้ทานอาหารที่ดีๆ ครบห้าหมู่ ซึ่งคำตอบเช่นนี้ มันกว้างมากเกินไป เพราะไม่รู้คำว่า อาหารดีๆนั้น มันคือ อาหารประเภทไหน

ด้วยเหตุของความงงงั่นนี่เองครับ ที่ทำให้เป็นโอกาสของการสร้างความงงงันต่อไปกันใหญ่ โดยมีการโฆษณาชวนเชื่อว่า อาหารนั่นนี่มีสรรพคุณอันเหลือเชื่อมากมาย ยิ่งร้ายไปกว่านั้น บางท่านบางคน ไปหลงเชื่อว่า อาหารที่ดีต้องมีราคาแพงๆ แล้วยิ่งสุดกู่ไปกันใหญ่อีกว่า อาหารที่ดีโดยเฉพาะพืชผัก ต้องทำการปลูกแบบอินทรีย์ ที่ต้องเข้าดงเข้าป่าไปบุกเบิกที่ใหม่ เพื่อจะไปมุดหาปลูกพืชที่ปลอดสาร แล้วยิ่งบ้ากันไปทั้งโลก ที่ไปงงงันกับการปลูกพืชที่ไม่ต้องใช้ดิน เอาต้นไม้หรือผักไปปลูกในน้ำแล้วให้น้ำไหล พอเห็นว่า พืชปลูกในน้ำไหลตามราง ดูมันใสสะอาด ก็จะเหมาว่า นั่นแหละคือ พืชปลอดสาร ปลอดภัย โลกนี้มันหาเหตุหาผลที่แท้จริงยากยิ่งเหลือเกิน คนประเภทสุดกู่ จะกินอะไรทีก็กลัวจะตายไว กลัวไปสารพัดไอ้นั่นก็ทานไม่ได้ ไอ้นี่ก็มีสารพัดสาร กลัวจนเป็นโรคประสาทกันไปหมด แล้วคนประเภทกลัวๆนั้น ใช่ว่า จะอายุยืนกว่าคนอื่นก็หาไม่

ผมว่า เราจงมาตั้งสติกันเถอะครับ การจะนำเอาอะไรเข้าไปร่างกายของเรานั้น เราเองเป็นผู้มีสิทธิเสรีภาพในการรับหรือไม่รับอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ในภาวะปัจจุบัน มันไม่มีแล้วครับ ที่จะบอกว่า พื้นที่นั่นนี่จะปลอดสารพิษไปเสียร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกครับ แม้ว่า ที่ตรงนั้นปลอดสารพิษก็จริง แต่น้ำละที่ใช้กันทุกวันนี้ มันไหลมาจากไหน ยิ่งไหลมาจากที่สูง ที่สูงๆนั่นแหละตัวดี เขาใช้ยาฆ่าแมลงแรงๆในการปลูกผักกันทั้งนั้น ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า เวลาเราจะเอาอะไรใส่เข้าไปในปาก ในท้องของเรานั้น เราควรมีความรู้ ความเข้าใจและเลือกเสียหน่อยว่า มันเป็นของที่มีประโยชน์ และมาสารที่เป็นพิษติดมาน้อย

ทีนี้ คำว่า สารเป็นพิษนั้น อย่าไปจำเพาะเจาะจงเฉพาะเรื่องของยาฆ่าแมลงกำจัดศัตรูพืชเท่านั้นน๊ะครับ สารพิษบางอย่าง เกิดจากสารบางอย่างที่ไม่ถูกประกาศให้เป็นสารพิษ ยกตัวอย่าง เช่น การปลูกพืชที่ใช้ปุ๋ยไนเตรทสูงๆ ซึ่งเป็นปุ๋ยที่ละลายน้ำได้ง่ายและพืชเอาไปใช้ได้โดยตรงอย่างรวดเร็ว นิยมใช้ในการปลูกพืชในน้ำ ที่เรียกโก้โก้ว่า ไฮโดรโพนิกส์นั้น หากผู้ผลิตไม่เข้าใจถึงวิธีการใช้ โดยใช้เอามันเข้าว่า ใส่เข้าไปเยอะๆ ต้นไม้จะอวบอ้วนสมบูรณ์ โดยหารู้ไม่ว่า เจ้าสารไนเตรทนั้น หากใส่มากเกินไป ต้นพืชเอาไปใช้ไม่หมด มันก็จะสะสมอยู่ในเซลของพืช ซึ่งสารไนเตรทนี่เองครับ ที่เป็นเจ้าปัญหา ที่เป็นสารก่อมะเร็งครับ มันคือ ตัวเดียวกับดินประสิว ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขประกาศห้ามใช้กับอาหารทั่วไปไงครับ นี่แค่ยกตัวอย่างเป็นการจั่วหัว ก่อนที่ผมจะวกกลับไปพูดเรื่องหน่อไม้ฝรั่งครับ
ที่ผมอธิบายจั่วหัวไปนั้น เพื่อจะบอกว่า เจ้าหน่อไม้ฝรั่ง เป็นตัวอย่างของอาหารที่บอกได้เลยว่าดีครับ เวลาใครมาปรึกษาผมเรื่องสุขภาพแล้วล่ะก็ ผมมักจะบอกไปว่า เวลาคุณทานเห็ดเข้าไปแล้ว โดยรู้ว่า เห็ดหลายชนิดนั้น มีสรรพคุณทางยาที่ดี แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้หมดในทุกเรื่อง เราจำเป็นต้องทานอาหารที่ดีที่มีประโยชน์เข้าไปด้วย แล้วผมก็มักจะแนะนำว่า หน่อไม้ฝรั่งต้องเป็นหนึ่งในนั้นของอาหารที่ดีและมีประโยชน์

ที่ผมพูดเช่นนี้ เพราะผมมีเหตุผลจากการไปสอนเรื่องการเพาะเห็ดในย่านประเทศที่ได้รับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมจากประเทศอินเดีย เช่น ภูฎาน เนปาล ศรีลังกา บังคลาเทศและอินเดีย เป็นเวลานานกว่า 8 ปี ผมได้เห็นผู้คนในย่านนี้ เขาปลูกหน่อไม้ฝรั่งไว้เป็นพืชผักสวนครัว เอาไว้กิน เอาไว้ทานเป็นทั้งผัก เป็นทั้งยา ยิ่งผมได้ไปท่องเที่ยวในยุโรปและอเมริกา ผมถึงกับทึ่งว่า บางประเทศ เช่น อังกฤษ เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ อิตาลี ล้วนแล้วให้ความสำคัญกับการปลูก การทานหน่อไม้ฝรั่งกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

ที่เยอรมัน อังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ถึงขนาดจัดงานเทศกาลหน่อไม้ฝรั่งขึ้นกันอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงที่มีหน่อไม้ฝรั่งออกช่วงฤดูอบอุ่น ที่คนส่วนใหญ่จะออกมาทานอาหารกันนอกบ้าน งานดังกล่าว มีทั้งเทศกาลการกินหน่อไม้ฝรั่ง รวมถึงมีการประกวดการทำอาหารจากหน่อไม้ฝรั่ง และธิดาหน่อไม่ฝรั่ง เช่นเดียวกันลักษณะเทศกาลยิ่งใหญ่เกี่ยวกับมันฝรั่งเช่นนี้ ได้เกิดขึ้นเป็นงานประจำปีในหลายรัฐของอเมริกา และใช่เลยครับ ตอนที่ผมไปสอนอยู่ทางแอฟริกาใต้ โดยผมมีบ้านอยู่ที่เมือง Randfontein ใกล้ๆกรุงโจฮันเนสเบริก บ้านผมก็อยู่ท่ามกลางของเกษตรกรปลูกหน่อไม้ฝรั่งกันเยอะมากในย่านนั้น
จึงไม่มีข้อสงสัยว่า ทำไมหน่อไม้ฝรั่งจึงได้รับความนิยมบริโภคกันทั่วทั้งโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ก็เพราะ หน่อไม้ฝรั่งมีสรรพคุณทางอาหารที่สูงมาก ดูจากตารางธาตุอาหารต่างๆที่มีประโยชน์ตามตารางนี้ครับ

นี่เป็นการวิเคราะห์คุณค่าทางอาหารในหน่อไม้ฝรั่ง ส่วนเรื่องสรรพคุณทางยาและทำไมทานหน่อไม้ฝรั่งแล้ว บางท่านเวลาปัสสาวะออกมาจะมีกลิ่นอันรุนแรง เอาไว้ไปว่ากันอีกตอนหนึ่งต่อไปครับ