เห็ดหัวลิง Hericium erinaceus :Lion’s Mane Mushroom

สำหรับโรคพาร์กินสัน และอัลไซเมอร์

บทความโดย ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล

ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน เป็นโรคนี้มาประมาณ 7 ปีแล้ว อายุ 73 ปี ในช่วง 1-2 ปีแรกอาการยังไม่มาก คือ มีแค่อาการสั่น ได้ค้นหาวิธีต่างๆที่จะรักษาให้อาการดีขึ้น เพราะจากการที่ได้รับการรักษาจากหมอแผนปัจจุบันที่เก่งที่สุดเรื่องพาร์กินสัน ก็ไม่ได้ทำให้อาการดีขึ้นเลยและต้องกินยาที่มาจากสารเคมีวันละหลายเม็ด ผู้ป่วยได้ลองหลายๆแบบ คือ หมอสมุนไพรพื้นบ้าน, ฝังเข็ม, ยาจีน, วิตามินต่าง, แก้กรรม และ ไสยศาสตร์ ที่พบว่าอาการดีขึ้นบ้างคือจากหมอสมุนไพรพื้นบ้าน แต่มีข้อห้ามคือจะต้องหยุดยาแผนปัจจุบันที่ทานอยู่ และ ทานยาต้มของเขาอย่างเดียวซึ่งขมมากๆ สุดท้ายทานไม่ไหว เพราะยาขมมากๆ จึงกลับไปทานยาของหมอแผนปัจจุบันเหมือนเดิม รวมทั้ง พาไปฝังเข็มร่วมด้วย จากนั้นในช่วงปีที่ 3 ต้องทานยาเพิ่มมากขึ้นจนเกินผลข้างเคียงของในหลายๆด้าน คุณหมอจึงแนะนำให้ทำการรักษา แบบ ฝั่งขั้วไฟในสมอง ซึ่งวิธีนี้ไฟฟ้าอย่างอ่อนจะไปกระตุ้น ให้สมองหลังสารบางตัวออกมา เพื่อทำให้อาการของพาร์กินสันดีขึ้น และ ลดการให้ยาลงได้ ผู้ป่วยเป็นข้าราชการบำนานครู ทำให้สามารถเปิกค่ารักษาได้ถึง 90% ครับ ค่ารักษาวิธีนี้แพงมากคือประมาณล้านกว่าบาท หลังจากนั้น อาการดีขึ้น แต่ไม่ทั้งหมด อาการสั่นน้อยลงจนถึงไม่สั่นเลย แต่อาการอื่นๆยังอยู่ครบ เช่น ไม่สามารถเดินได้เหมือนคนปกติ เพราะ ประสาทการรับรู้ที่สั่งให้ก้าวขา และ ประสาทที่เท้า ทำงานไม่ปกติ ทำให้เวลาเดินจะเดินช้าๆและเสียงที่จะหกล้ม ในช่วงปีที่ 5 ผู้ป่วยได้หกล้ม ไปสองครั้ง ด้วยความที่เป็นคนดื้อและมีความคิดที่จะต้องหาย ฉะนั้นผู้ป่วยก็จะพยามเดิมให้ได้เพื่อเอาชนะสิ่งที่เป็นอยู่ ในช่วงปีที่ 6 อาการของโรคพาร์กินสันได้เพิ่มขึ้นคือ ลามเข้าสู่ระบบการควบคุมการหายใจ คุณหมอได้ตัดสินใจให้เจาะคอ เพื่อใส่เครื่องช่วยหายใจ และต้องให้ ออกซิเจนร่วมด้วยตลอดเวลา ผู้ป่วยไม่สามารถที่จะพูดได้ และ เดินไม่ได้แล้วต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ผู้ดูแลผู้ป่วยเข้าใจดีว่าโรคนี้ไม่มีทางหาย แต่ปรารถนาที่จะให้ระบบการสั่งงานของปอดดีขึ้นได้บ้าง ก็จะสามารถเอาเครื่องช่วยหายออกได้บางครั้ง เพื่อที่จะกลับมาพูดได้อีก หรือมีแรงพอที่จะออกแรงเดินก้าว

โรคนี้ เป็นโรคที่เรายังไม่เข้าใจมัน และการที่จะรักษาให้หายขาดนั้นยังเป็นไปไม่ได้ แต่วิธีที่จะไม่ให้อาการกำเริบมากยิ่งขึ้น หรือไม่ทำให้ส่วนอื่นได้รับผลกระทบนั้น นับตั้งแต่ผมและภรรยาได้ทำการศึกษาเรื่องของโรคทางประสาท เนื่องจาก ช่วงที่ไปทำงานอยู่ที่ประเทศภูฎาน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเห็ดขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาตินั้น ประมาณกลางปี 2526 ภรรยาผม อ.เยาวนุช เอื้อตระกูล ได้ไปเก็บเห็ดป่า ที่มีลักษณะเป็นเส้นๆสีขาว ที่รู้จักกันในหมู่นักวิชาการด้านเห็ดว่า Monkey Head mushroom เราจึงเรียกมันว่า เห็ดหัวลิง จึงได้ไปถามพระที่จำศีลอยู่ในป่า ท่านก็บอกว่า เห็ดชนิดนี้ดีมาก เป็นเห็ดที่ใช้บำรุงสมอง สมองเสื่อม ความจำเสื่อม โรคกระตุกเพราะสมองเสื่อม ผมก็เลยนำมาเพาะเลี้ยงเชื้อบริสุทธิ์และก็เพาะเลี้ยงสำเร็จในปีนั่นเอง จากนั้น ก็ได้ทำการศึกษาหาสูตร เข้าสูตรต่างๆ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่คนที่มีปัญหาทางด้านสมอง รวมทั้งอัลไซม์เมอร์ด้วย ก็พบว่า สูตรที่ใช้เห็ดเป็นยาบางชนิด รวมกับเห็ดหัวลิงเป็นหลัก นำมาผ่านขบวนการหมักให้เกิดเอ็นไซม์และย่อยให้สารอาหารให้อยู่ในรูปที่ร่างกายเอาไปใช้ได้ ปรากฎว่า อาการทางสมอง รวมทั้งอัลไซม์เมอร์ มีอาการที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ผมได้ทดลองกับคุณป้าของผม(พี่สาวของเตี่ยผม) อายุ 98 ปี ซึ่งความจำของท่านเสื่อมไปมาก ปรากฎว่า หลังจากทานเห็ดส่วนผสมดังกล่าว ที่มีเห็ดหัวลิงเป็นหลัก ทำให้ความจำของท่านกลับคืนมาได้ค่อนข้างมากอย่างเหลือเชื่อ

เห็ดหัวลิง มีคุณสมบัติในการบำรุงประสาท บำรุงสมอง โดยเฉพาะประสาทตา ผู้ที่มีปัญหาความดันตาสูง ที่มีโอกาสเป็นต้อกระจก เห็ดชนิดนี้ช่วยได้ ใครที่เป็นโรคหลงๆลืมๆ เพราะเซลประสาทเสื่อมประสิทธิภาพ มีโอกาสเป็นอัลไซม์เมอร์ เห็ดหัวลิงจะมีบทบาทสูงมากในด้านนี้ แต่การที่จะทำให้คุณสมบัติของเห็ดหัวลิง เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้น สารที่มีสรรพคุณเป็นยาในเห็ดหัวลิง ร่างกายไม่สามารถนำเอาไปใช้ได้โดยตรง จำเป็นที่จะต้องผ่านขบวนการย่อยโดยเชื้อจุลินทรีย์เฉพาะ ที่เรียกว่า โปรไบโอติกเสียก่อน

Bear’s Head Mushroom  : Hericium coralloides เป็นเห็ดหัวลิงอีกชนิดหนึ่ง ที่มีสรรพคุณทาง
ยาเช่นเดียวกับ Monkey Head Mushroom :  Hericium erinaceus