มันเป็นความบังเอิญจริงๆที่ผมได้รับการขอร้องจากนายทหารท่านหนึ่ง ที่มาซื้อก้อนเห็ด ประมาณต้นปี 2552 เพื่อจะนำไปช่วยเหลือผู้ประสพภัยจากพายุนากีสถล่มที่ประเทศพม่า โดยนายทหารดังกล่าว เคยมาอบรมกับผมเมื่อปี 2523 ได้ถามผมว่า ผมกลับจากการไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดให้แก่องค์การสหประชาชาติกว่า 20 ปีนั้น กลับมาแล้วจะทำอะไรเป็นหลัก ผมก็บอกว่า ทำหัวเชื้อเห็ด และทำเชื้อเห็ดเป็นยาบริสุทธิ์ส่งต่างประเทศ ที่เขาเอาไปรักษาโรคมะเร็งกัน แล้วผมก็พาแกไปดูเห็ดกระดุมบราซิลที่ผมเพาะเอาไว้ แกจึงเอ่ยขึ้นมาว่า อาจารย์มีของดีๆเช่นนี้ น่าจะเอาไปให้ท่านอดีตนายกสมัคร ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ที่หมอส่งกลับบ้านแล้ว เพราะไปรักษาทั้งเมืองนอกและเมืองไทย ก็หมดหนทางแล้ว ตอนนี้ท่านนอนป่วยหนักอยู่ที่บ้าน พอผมได้ยินเช่นนั้น ผมรีบปฏิเสธทันทีว่า เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะท่านไปรักษามาทั่วโลกแล้ว อีกอย่างท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ผมจะเอาสิ่งเหล่านี้ไปให้ท่านได้อย่างไร เพราะผมไม่รู้จักท่าน แต่ท่านอาจจะรู้จักผม เพราะท่านเคยส่งกองถ่ายทำทีวี มาของถ่ายทำการเพาะเห็ดกับผม เพื่อไปประกอบรายการทีวีของท่าน นอกจากนี้ ตอนที่ท่านออกรายการ นายกสมัครพบประชาชน ท่านเคยเอ่ยถึงผมว่า ผมเป็นคนไทยไปสอนเห้ดอยู่ต่างประเทศ อยากให้ผมกลับมาช่วยพัฒนาประเทศไทย แต่ผมก็ไม่เคยเจอท่านเลย จากนั้นอีกไม่กี่วันผ่านมา น้องสาวผม คือ อาจารย์อรทัย เอื้อตระกูล มีเพื่อนที่เคยเป็นเลขาหน้าห้องท่าน เมื่อครั้งที่ท่านเป็นผู้ว่า กทม.ได้มาขอร้องให้ผมช่วยเอาเห้ดเป็นยาไปให้ท่านนายกสมัคร ซึ่งผมก็ปฏิเสธอีก เพราะนั่นเป็นการเสี่ยงมาก เนื่องจาก คุณหมอทั้งหลายชนิดที่เป็นมือหนึ่งต้นๆของประเทศ ลงความเห็นว่า หมดทางที่จะรักษาเยียวยาท่านแล้ว ทำได้ก็รักษาตามอาการ หากปวดก็ให้ยาแก้ปวด หากนอนไม่หลับก็ให้ยานอนหลับเท่านั้น โดยลิ้นของท่านไม่มีการรับรู้รสชาติใดๆอีกแล้ว

แต่เมื่อผมได้มาพิจารณาจากผู้หวังดี จากใจของเขาจริงๆ ประกอบกับ ผมกำลังเอาเห็ดเป็นยา รักษาพี่สะไภ้ ที่กำลังเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้ายเช่นกัน และอาการดีขึ้น จนกระทั่งคุณหมอบอกหายเป็นปกติแล้ว ผมจึงคิดว่า ไม่น่าจะเสียหายอะไร ผมจึงพยายามโทรไปที่บ้านท่าน แต่ก็ไม่มีใครรับสาย เป็นสัญญานแฟกซ์ทุกครั้ง ผมจึงตัดสินใจเขียนจดหมายถึงท่านนายกสมัคร โดยแนะนำตัวว่า ผมคือใคร และผมก็เตือนความจำท่านว่า ผมคือ คนที่ท่านบอกให้ผมกลับประเทศไทยได้แล้ว ที่จะมาช่วยคนไทยด้วยกัน ผมรายงานต่อว่า ตอนนี้ ผมผลิตหัวเชื้อเห็ดเป็นยาเพื่อส่งออกไปยังหลายประเทศ ที่บริษัทเหล่านี้ จะเอาเชื้อเห็ดเป็นยาของผม ไปทำยาเสริมภูมิ เพื่อต่อต้านเซลมะเร็งหรือสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้เกิดโรคแก่ร่างกาย หลังจากที่ผมส่งแฟกซ์ไปถึงท่านแล้ว ผมก็ไปทำงานต่อ โดยไม่ได้ถือโทรศัพท์ติดตัว จนกระทั่ง คุณรวิพรวิ่งหน้าตั้งมาหาว่า ท่านนายกสมัครโทรมาผมตั้งแต่เช้า ตั้งแต่ท่านได้รับแฟกซ์ผม ผมจึงโทรไปหาท่านช่วงบ่าย ท่านบอกว่า ท่านดีใจมากที่ได้รับแฟกซ์ผม โดยท่านจะส่งคุณหญิงสุรัตน์ (ภรรยาของท่าน)มาพบผมในวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2552 ตอนหลังคุณหญิงแจ้งว่า เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ เป็นวันหยุด เกรงว่าจะเป็นการรบกวนผม ท่านขอเป็นวันจันทร์ก็แล้วกัน ผมจึงเรียนท่านว่า ปกติ ผมจะทำงานทุกวันไม่มีวันหยุดทำงาน คุณหญิงสามารถมาเอาเห็ดเป็นยาได้ทันที ครับคุณหญิงก็ได้มารับเห้ดเป็นยา และดอกเห็ดกระดุมบราซิลสดๆไปให้ท่านนายกสมัครทานทันที

[envira-gallery id=”2594″]

หลังจากที่ท่านได้เห็ดไปแล้ว ท่านเงียบไปสามวัน ทางผมกับอาจารย์เยาวนุช ต่างก็เป็นกังวล ไม่รู้ว่า เห็ดเป็นยาที่เราให้ท่านไป จะมีผลเช่นไรต่อร่างกายของท่านบ้าง คิดกันไปต่างๆนานา ครั้นจะโทรไปหาท่าน ท่านก็เป็นผู้ใหญ่มาก จะเป็นการไม่บังควร พวกเรารอฟังข่าวด้วยความกระวนกระวาย ผลสุดท้ายวันที่ 27 พฤษภาคม 2552 คุณหญิงสุรัตน์โทรมาด้วยความตื่นเต้นว่า เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นกับตัวท่านนายกแล้ว ท่านพูดมาด้วยความตื่นเต้นและปลาบปลื้มปิติยิ่ง(ฟังจากเสียงท่าน) ท่านบอกว่า คืนแรกที่ท่านทานเห็ดเป็นยาเข้าไป ท่านหลับปุ๋ยเลย ทั้งๆที่ไม่เคยหลับสนิทเช่นนี้มาก่อน อาการท้องเดินหยุด วันที่สอง ท่านมีความรู้สึกหิวและลิ้นท่านเริ่มมีความรู้สึกขึ้นมาบ้าง วันที่ 3 คือ วันที่ 27 พฤษภาคม 2552 ขณะที่คุณหญิงโทรมานั้น ท่านนายกสั่งให้คนขับรถพาท่านไปทานอาหารร้านประจำของท่านที่สะพานขาว(ซึ่งคนทั้งบ้านงงกันหมด เพราะท่านทานอะไรไม่ได้มาระยะหนึ่งแล้ว เพราะลิ้นไม่รับรู้รส)จากนั้น อาจารย์เยาวนุช กับคุณหญิงโทรคุยติดต่อกันตลอดเวลา และทางผมก็ส่งเห็ดเป็นยาที่ดีที่สุดไปให้ท่านอย่างสม่ำเสมอ

จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาได้ 32 วัน ท่านจึงบอกคุณหญิงขอให้เชิญผมทั้งครอบครัวและญาติที่ใกล้ชิด ไปทานอาหารกลางวัน ที่ท่านจะเป็นคนทำอาหารเอง แล้วจะพาทุกคนในครอบครัวของท่าน ทั้งลูกสาว ลูกเขยและหลานท่านมาทานอาหารนั่งโต๊ะเดียวกันพร้อมกัน เพื่อเป็นการขอบคุณ ที่ท่านได้กลับมามีชีวิตเป็นปกติอย่างมีความสุขอีกครั้งหนึ่ง โดยตอนหนึ่ง ที่ท่านได้เล่าให้ฟังถึงวินาที ที่ท่านได้รับแฟกซ์ผม ท่านบอกว่า ท่านเอาแฟกซ์ของผมกอดไว้กับอกตลอด และมั่นใจอย่างมากว่า ท่านมีโอกาสรอดตายแล้ว เพราะท่านมีความรู้สึกว่า ทำไมคนขับรถของท่าน ที่ทำงานเป็นคนขับรถให้ท่านมากว่า 30 ปี และไม่เคยขอขึ้นไปชั้นสี่ ซึ่งเป็นห้องพระของท่านเลย แต่คราวนี้ คนขับรถ ขออนุญาตขึ้นไปห้องพระเพื่อสวดมนต์….. ครับ ฟังบางช่วง บางตอนที่ท่านเล่าเรื่องคนขับรถ ที่ท่านเอามาผูกโยงกับความเชื่อของท่านว่า ท่านจะต้องเจอของดีแน่ๆ….ท่านก็รีบพูดถึงเรื่อง แฟกซ์ของผมที่ส่งไปให้ท่าน อ้าวเอาล่ะสิ เริ่มเข้าเรื่องของเราแล้ว ผมก็ตั้งใจฟัง เพราะผมคิดอยู่ในใจที่ผมผิดเอง ที่ผมเป็นคนไม่ตามงานเอง หลังจากส่งแฟกซ์ไปให้ท่านแล้ว เอาเข้าจริงๆ ท่านไม่ได้ต่อว่าผมที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ท่านตั้งหลายชั่วโมง แต่ท่านกลับมาเล่าว่า 2 วันก่อน คนขับรถได้มาขออนญาตท่านขึ้นไปห้องพระ ที่อยู่ชั้นบนสุดของบ้านท่าน คือ ชั้นที่ 4 เพื่อขอขึ้นไปสวดมนต์ เพราะคนขับรถอ้างว่า ได้คาถาจากวัดที่เก่งมากมา ท่านก็สงสัยอยู่ว่า คนขับรถ ที่ขับรถให้ท่านมานานกว่า 32 ปี และไม่เคยละลาบละล้วง(ไม่รู้เขียนผิดหรือเปล่าอีตาจุ๊บ) ที่จะขอขึ้นไปถึงห้องพระ แต่เมื่อท่านเห็นความตั้งใจเช่นนั้น ท่านจึงอนุญาตให้คนขับรถขึ้นไปสวดตามคาถาที่ได้รับมา และอธิษฐานว่า หากมีบุญบารมีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในคำสวดมนต์คาถาจริง ก็ขอให้ท่านนายกสมัครเจอสิ่งวิเศษ ที่จะทำให้ท่านหายจากอาการเจ็บป่วยภายใน 7 วันนี้ จากนั้นอีก 2 วัน ท่านก็ได้รับแฟกซ์ของผม ท่านบอกว่า พอได้รับแฟกซ์ผมแล้ว ท่านมีความมั่นใจว่า ท่านเจอแล้ว ท่านจะต้องหายดีขึ้นแน่ๆ ท่านจึงรีบคว้าโทรศัพท์โทรหาผมทันที แต่ผมก็ไม่ได้รับทันที เพราะผมเป็นโรคกลัวโทรศัพท์ เวลาทำงานผมจะไม่รับโทรศัพท์เลย เนื่องจากงานผมมันเป็นงานกุลี ต้องเตรียมข้าวฟ่าง ล้างข้าวฟ่าง เอาข้าวฟ่างนึ่ง กรอกข้าวฟ่าง แล้วก็เขี่ยเชื้อ เพื่อหาเงินใช้หนี้ธนาคารเดือนกว่า 2 แสนบาท(ดอกก็ปาไปแสนกว่าแล้ว เหลืออีก 5 ปีก็เป็นไทแล้ว) แต่ท่านก็ไม่ได้ต่อว่าผม ท่านก็รีบพูดต่อไปเลยว่า เมื่อได้คุยจากปากผมแล้ว ท่านมั่นใจว่า ท่านเจอแล้ว ท่านมีความหวังแล้ว

และหลังจากที่คุณหญิงได้ไปรับเห็ดเป็นยาที่ผมผสมเป็นพิเศษให้แก่ท่านนั้น แคปซูลแรกที่ท่านทานเข้าไป ท่านมีความมั่นใจมากว่า ท่านต้องหายแน่ๆ ท่านก็เล่าต่อว่า เหลือเชื่อเหลือเกิน หลังจากทานเห้ดเป็นยาเข้าไปแค่ 4 แคปซูลเท่านั้น ท่านสามารถนอนหลับได้ยาวเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น ท่านไม่สามารถนอนได้เลย และอาการเจ็บปวดน้อยลง จากนั้นมาอีกวันหนึ่ง สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นกับท่านอีกครั้ง คือ ลิ้นของท่านที่ไม่เคยได้รับรู้รสมานานแล้ว กลับมีความรู้สึกและอยากทานอาหารขึ้น ในวันที่ 3 ท่านจึงบอกให้คนขับรถพาท่านไปทานอาหารที่ร้านประจำที่สะพานขาวดั่งที่ท่านปรารถนาตั้งใจไว้ โดยทุกคนในครอบครัวงงงันกันไปหมด (วันนี้แค่นี้ก่อน เพราะนี่ก็ยาวแล้ว ตื่นมาตั้งแต่ตีสี่ก่อนอีตาจุ๊บศรีราชาเสียอีก เล่านานไป ผู้ติดตามอาจจะเบื่อ เอาไว้เมื่อไหร่ว่าง จะพูดต่อถึงของที่ระลึกที่ทรงคุณค่า หาค่าไม่ได้ที่ท่านนายกมอบให้ และแทบจะไม่มีใครเชื่อในสายตาว่า ท่านสามารถนำผมขึ้นไปยังห้องพระชั้น 4 ได้โดยเดินขึ้นจากชั้นล่างถึงชั้นบนได้โดยไม่หยุด ทั้งๆที่ท่านไม่สามารถขึ้นไปได้นานแล้ว

ครับร่างกายของท่านดีวันดีคืน จนหมอที่เคยรักษาท่านต่างงงและสงสัย และท่านก็เคยแนะนำให้คุณหมอจากโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมาพบผม มาขอข้อมูล และนำเอาเห้ดเป็นยาไปช่วยเหลือผู้ป่วยรายอื่นอีกมากมาย จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ท่านมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขกับครอบครัวได้อีกหลายเดือน จะกระทั่ง มีคนแนะนำว่า แม้ร่างกายของท่านแข็งแรงมากแล้ว แต่จากการตรวจวิเคราะห์ดู พบว่า เลือดท่านขาดโปรตีนไข่ขาว(Albumin) ขอให้ท่านทานอาหารที่มีโปรตีนต่างๆเหล่านี้เข้าไปเสริมบ้างได้แล้ว (ปกติ ผมจะแนะนำให้ท่าน งดอาหารประเภทเนื้อ และปลาอย่างสิ้นเชิง) ซึ่งท่านก็ได้ทำตามคำแนะนำ โดยทานอาหารประเภทปลาเข้าไป หลังจากนั้นไม่นาน เซลมะเร็งของท่านกลับมาลุกลามอย่างรวดเร็ว และท่านกด้ถึงแก่อนิจกรรมไปในปลายปี 2552