ผลของผู้ที่ใช้เห็ดผสมและเอ็นไซม์รักษาโรค

ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล

นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 เป็นต้นมา หลังจากที่ผมได้ทำการทดลองนำเอาเห็ดเป็นยาหลายชนิดมาผสมกับสมุนไพร และเอ็นไซม์มาใช้กับตัวเองที่เป็นโรคเบาหวานและภูมิแพ้อย่างรุนแรงอย่างได้ผลดียิ่ง ต่อมาก็ใช้รักษาสมาชิกในครอบครัว และเครือญาติใกล้ชิด ตลอดจนเพื่อนสนิท ลูกศิษย์ลูกหาในต่างประเทศ ขณะที่ผมและครอบครัวระเหเร่ร่อนไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ดขององค์การสหประชาชาติประจำประเทศต่างๆในเอเชีย แปซิฟิกและแอฟริกา จนถึง ปี พ.ศ. 2548 นั้น เมื่อกลับมาตั้งหลักอยู่ในประเทศไทยเป็นการถาวรแล้ว จึงทำการผลิตเห็ดเป็นยาและเอ็นไซม์ส่งออกไปยังเยอรมัน ยุโรป อเมริกาและญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ พร้อมทั้งตั้งสถาบันไทยไบโอเทค ทีบีซี ซึ่งได้เปลี่ยนเป็น  อานนท์ไบโอเทค เพื่อเป็นสถานที่ฝึกอบรมการทำเชื้อและเพาะเห็ด ผลิตหัวเชื้อเห็ดและอาหารเสริม

ขณะเดียวกันได้ทำการผลิตเห็ดเป็นยามาผสมกับสมุนไพร และเอ็นไซม์ ให้แก่บรรดาญาติพี่น้องทุกฝ่าย ทุกสาย รวมถึงลูกศิษย์ลูกหา และเพื่อนสนิท โดยในที่นี้ จะขอยกตัวอย่างบรรดาผู้ที่นำเอาเห็ดเป็นยาผสมสมุนไพรและเอ็นไซม์ที่นำเอาไปใช้แล้วได้ผล เพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับท่านที่สนใจ ที่อาจจะมีปัญหาสุขภาพใกล้เคียงกันได้รับรู้ และเป็นแนวทางหรือทางเลือกอีกด้านหนึ่ง ที่ทุกคนมีสิทธิเลือกที่จะดูแลสุขภาพของตัวเองได้ เพราะเป็นการพิสูจน์แล้วว่า ในการรักษาโรคมนุษย์นั้น การใช้ยาสังเคราะห์ หรือทำการผ่า ทำการตัดตามวิทยาการแผนปัจจุบันเพียงทางเดียวนั้น ไม่อาจจะได้ผลสมบูรณ์เสมอไป บางครั้งอาจจะเป็นการเร่งให้อาการแย่ลงเสียอีกด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ ผลของการใช้สารเคมีนั้น ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีผลข้างเคียงและมีราคาแพงทั้งนั้น ในอดีต มนุษย์สามารถดำรงเผ่าพันธุ์มาได้นับหมื่นปี ก็เป็นเพราะการเอาตัวรอดโดยธรรมชาติบำบัดทั้งสิ้น เพียงแต่มนุษย์เรายังไม่เข้าใจศาสตร์ธรรมชาตินี้ทั้งหมดเท่านั้น บุคคลที่ผมนำมายกตัวอย่างต่อไปนี้ เป็นผู้ที่ผมได้ใช้เห็ดเป็นยาหลายชนิดมาผสมกับสมุนไพร ที่ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของเห็ดและพืชเท่านั้น เพียงแต่ใครเป็นโรคอะไร ก็จะมีการผสมเห็ดเป็นยาและสมุนไพรที่แตกต่างกันไป ไม่มีการแต่งเสริมสารเคมีใดๆ รวมทั้งสารสเตอรอยด์เข้าไป จึงถือว่า เป็นธรรมชาติบำบัดอย่างแท้จริง แต่ก็ไม่มีความตั้งใจที่จะต่อต้านการใช้สารเคมีหรือการรักษาโรคด้วยวิธีปัจจุบัน สามารถใช้รักษาร่วมกันไปได้เป็นอย่างดี เห็ดที่เป็นยาหลายชนิดจะมีจุดเด่นหรือคุณสมบัติทางยาที่แตกต่างกันไป หรือแม้กระทั่งในส่วนต่างๆของเห็ด เช่น เส้นใย ก้านดอก หมวกดอกและสปอร์ของเห็ดก็จะมีส่วนประกอบของสารที่เป็นยาแตกต่างกันไปด้วย

ดังนั้น การที่จะนำเอาไปรักษาโรคแต่ละชนิดนั้น จะต้องใช้สูตรเฉพาะของโรคนั้นๆ และบางโรคเห็ดผสมก็ไม่สามารถที่จะรักษาโรคอย่างได้ผล จำเป็นจะต้องเสริมเอ็นไซม์หรือสมุนไพรบางชนิดเข้าไป หากต้องการรักษาโรคอย่างได้ผลแล้ว ควรต้องดูผลการตรวจร่างกาย(OPD)ด้วย จึงจะสามารถทำการรักษาได้อย่างถูกต้อง

การใช้เห็ดเป็นยาและเอ็นไซม์รักษาญาติ

สมาชิกในครอบครัวของผม ซึ่งคุณพ่อเอื้อ เอื้อตระกูล ของผมได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในต่อมลูกหมากและรูมาติซัม เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2527 และคุณแม่แสงมอญ เอื้อตระกูล เสียชีวิตด้วยโรคเบาหวาน เมื่อวันที่ 22 กุมพาพันธ์ 2529 ทำให้ลูกๆทั้ง 5 คน (เสียชีวิตไป 1 คน) ได้รับกรรมพันธุ์ทั้งเบาหวานและเซลมะเร็ง ซึ่งเป็นเหตุจูงใจให้ผมทำการศึกษาสมุนไพรและเห็ดเป็นยา เพื่อมาใช้ป้องกันรักษาโรคร้ายต่างๆที่เกิดจากกรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลภาวะที่เป็นพิษ

การใช้เห็ดเป็นยาและเอ็นไซม์รักษาญาติทางสายคุณพ่อผม

ญาติของผมสายทางคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อผมได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในต่อมลูกหมากเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2527 แล้ว แต่ก็ยังมีพี่สาวอายุ 97 ปี อยู่ที่ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ในบรรดาญาติในส่วนของคุณพ่อผมที่ได้รับเห็ดผสมสมุนไพรและเอ็นไซม์ได้แก่

1. คุณยายจีน นิมมานรัตน์ อายุ 97 ปี พี่สาวของคุณพ่อผมที่ยังมีชีวิตอยู่ พำนักอยู่ที่อำเภอสอง จ.แพร่ เป็นโรคผู้สูงอายุทั่วไป เดินไม่ได้ ต้องพยุงตัว และต้องทำการนวดทุกส่วนของร่างกาย เพื่อเป็นกระตุ้นให้เกิดความเคลื่อนไหว เป็นการออกกำลังกาย จะต้องมีคนช่วยดูแลตลอดเวลา ความจำเริ่มเสื่อม จำอะไรไม่ได้ มีพฤติกรรมคล้ายเด็ก หลังจากทานเห็ดผสมไป 3 วัน สามารถลุกนั่ง และเดินเข้าห้องน้ำเองได้ วันที่ 5 ถ่ายอุจจาระมาก มีสีดำ กลิ่นเหม็นมาก(เพราะเห็ดผสมเข้าไปล้างระบบทุกส่วน (Detox)) พอย่างเข้าวันที่ 10 ความจำเริ่มดีขึ้น สามารถจำทั้งหน้า ชื่อคนเก่า คนแก่ได้ สามารถอ่านป้ายโฆษณาได้ และจำผมซึ่งเป็นหลานได้ และยังอวยพรให้ผมเจริญรุ่งเรือง หลังจากทานเห็ดผสมเป็นประจำ สภาพร่างกาย ความจำกลับคืนภาวะปกติ ช่วยตัวเองได้ ไม่บ่มเจ็บปวด ไม่เป็นภาระของผู้ดูแล

2. นาง ยุวดี วัชรปรีชา ลูกสาวคนโตของยายจีน เป็นโรคไขข้อ เจ็บปวดตามข้อต่ออย่างรุนแรง หลังจากทานเห็ดผสมไปแค่ 3 วันอาการดีขึ้น และอีกไม่กี่วันต่อมา อาการเจ็บปวดหายเป็นปกติ ไม่ต้องทานยาระงับปวด และยารักษาอาการอักเสบอีกต่อไป ลูกชายคนโตเป็นโรคเก๊าท์อย่างรุนแรง เท้าบวม เดินแทบไม่ได้ แต่หลังจากทานเห็ดผสมสมุนไพรไปอาการดีขึ้น สามารถเดินได้ดีขึ้น พร้อมทั้งลดการใช้ยาแก้ปวดและแก้โรคเก๊าท์ลงได้เกือบหมด

3. นายแพทย์วิวัฒน์ นิมมานรัชต์ ลูกชายยายจีน อายุ 72 ปี เป็นหมอที่เป็นคลินิกอยู่ที่อำเมือง จ.สงขลา  มีลูกเป็นหมอทั้ง 3 คน คุณหมอวิวัฒน์ป่วยเป็นโรคมะเร็งในต่อมลูกหมาก เช่นเดียวกับคุณพอผมที่ท่านเสียชีวิตเพราะมะเร็งในต่อมลูกหมาก ปัสสาวะลำบาก มีอาการอ่อนเพลีย หลังจากทานเห็ดผสมเข้าไป สามารถหลับสบายยิ่งขึ้น มีกำลังวังชาดี ระดับภูมิต้านทานและเกล็ดเม็ดเลือด เม็ดเลือดขาวดีขึ้นมาก การขยายตัวของมะเร็งน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบผลกับทางแพทย์ประจำอยู่

4. คุณสุขสวย นิมมานรัชต์ ภรรยาของคุณหมอวิวัฒน์ อายุ 68 ปี มีอาการของโรคกระดูกเสื่อมอย่างรุนแรง ปวดตามข้อกระดูกอย่างรุนแรง ต้องใช้ยาระงับปวดค่อนข้างมาก คอเบี้ยวจะต้องทำกายภาพบำบัดด้วยการนวดและทานยาแก้ปวดตลอดเวลา มาตั้งแต่อายุ 56 ปี แต่หลังจากทานเห็ดผสมเข้าไปเพียง 3 วันเท่านั้น อาการปวดทุเลาลงมาก และหลังจากทานเห็ดผสมอย่างต่อเนื่อง อาการปวดแทบไม่มีเลย ไม่ต้องทานยาแก้ปวดที่มีผลข้างเคียงสูง คอที่เคยเบี้ยวกลับเข้าสู่สภาพปกติ ร่างกายแข็งแรง สามารถเดินได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่เจ็บปวด และมีกำลังดี

ญาติของผมสายทางคุณแม่

คุณพ่อณรงค์ วงศ์วรรณ เป็นเพื่อนนักเรียนร่วมรุ่นระดับประถมบ้านร่องกาศ อ.สูงเม่น จ.แพร่ เดียวกับคุณแม่แสงมอญ เอื้อตระกูล นับถือเป็นญาติผู้ใหญ่เสมอมา หลังจากท่านเลิกเล่นการเมือง ท่านใช้ชีวิตทำการเกษตรอยู่ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย มีสุขภาพแข็งแรง เพราะออกกำลังตลอดเวลาในงานฟาร์ม แต่เนื่องจากอายุมาก เกือบ 90 ปี ประกอบกับได้ตรากตรำทำงานทั้งทางด้านการเมืองและธุรกิจมาอย่างโชกโชน ท่านจึงล้มป่วยด้วยโรคชรา ความจำเสื่อมและเคลื่อนไหวด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องทำกายภาพบำบัดตลอดเวลา แต่หลังจากที่ทานเห็ดผสมสูตรพิเศษเฉพาะเพียง 6-7 วันเท่านั้น ท่านมีความรู้สึกและตอบสนองดีขึ้นมาก จากนั้นไม่อีกกี่วันต่อมา สามารถพาท่านนั่ง และเริ่มฝึกให้เดิน พร้อมทั้งผิวพรรณกลับมีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น สร้างความปลื้มปิติแก่วงศาคณาญาติ และผู้ที่เคารพนับถือท่านอย่างมากตราบทุกวันนี้ บางท่านถึงกับกล่าวว่า ท่านดีขึ้น เพราะ เห็ดมหัศจรรย์แท้ๆ และนี่คือ คำนิยามของคำว่า “เห็ดเป็นยามหัศจรรย์” อยู่ทุกวันนี้