ในการอบรมเห้ดเศรษฐกิจแนวใหม่ ที่ผมได้สอนในการอบรมเห็ดให้แก่ผู้สนใจระยะหลังนี้ ผมจะเน้นเรื่องของการปฏิบัติต่อวัสดุที่จะนำเอาไปเพาะ เพราะในอดีต ที่ไม่มีการทดลองกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการทดลองภาคสนามที่ทำกันเป็นธุรกิจจริงๆ แต่หลังจากที่ผมได้มีโอกาสไปสอนเรื่องเห็ด ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเห็ด ขององค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศต่างๆในเอเซียและแอฟริกา ตั้งแต่ปี 2524- 2548 นั้น แทบทุกประเทศที่ไปสอน เขาไม่ได้มีวัสดุเพาะมากมายเหมือนบ้านเรา เขาไม่มีขี้เลื่อยไม้ยางพารา ดั่งที่เราสอนปลูกฝังกันมาว่า มีขี้เลื่อยไม้ยางพาราแล้ว เวลาจะเอามาเพาะเห็ด ก็เอามาผสมอาหารเสริมแล้วทำก้อนเลย แต่หากทำก้อนจำนวนมากๆ การที่จะนำเอาขี้เลื่อยไม้ยางพารามาใ้เพาะเห็ดโดยตรง ครั้งละปริมาณมากๆ จะเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน เพราะ ขี้เลื่อยไม้ยางพารา ที่นำเอามากองกันไว้นั้น หากเลือกใช้เฉพาะรอบนอกของกอง ที่หอมอยู่ โอเคและแน่นอนว่า หากเอาไปเพาะเห้ด ก็มักจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาใด แต่หากเอาขี้เลื่อยใหม่ๆ ที่กองเป็นกองสูง ข้างในกองร้อนมาก และมีกลิ่นฉุนของก๊าซแอมโมเนียแล้วล่ะก็ เวลาเอาไปผสมอาหารเสริมแล้วนำไปทำก้อนทันที ก้อนเชื้อมักจะเสียและมีปัญหาเกี่ยวกับราเขียว ราขาว รวมทั้งราส้ม หรือบางที เปิดดอกไปแล้วครั้งสองครั้งก็จะเกิดราเขียวราดำเกิดขึ้น ปัญหาดังกล่าว เกิดจากวัสดุเพาะมีก๊าซแอมโมเนียหลงเหลืออยู่ เช่นเดียวกัน ช่วงที่ผมไปสอนอยู่ในต่างประเทศนั้น ส่วนใหญ่เขาไม่มีขี้เลื่อยไม้ยางพารากัน ต้องเริ่มจากนำเอาต้นไม้สดๆมาสับให้เล็กลง เกือบจะละเอียดเท่าขี้เลื่อย แล้วนำเอามาใช้สดๆ แต่ไม่ได้เอามาเพาะเห้ดโดยตรงทันทีน๊ะครับ เพียงแต่หลังจากที่บดไม้สดๆแล้ว ก็นำเอามาหมักด้วยการใช้เชื้อจุลินทรีย์ช่วยหมักที่เรียกว่าไบโอวัน แล้วผสมอาหารเสริมเข้าไปเลย จากนั้นทำการผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วจึงทำการกองไว้อย่าให้สูงเกิน 60 ซม. ทำการกลับกองทุกวัน เช้าเย็นได้ยิ่งดี แค่ 3-4 วัน ก็จะมีกลิ่นหอม สามารถนำเอาไปใช้ได้ วิธีการนี้ จะลดอัตราการเสียเนื่องจากราต่างๆน้อยลง แม้กระทั่งเอาวัสดุใส่ถุงแล้ว ยังไม่จำเป็นต้องนึ่ง เก็บรอการนึ่งได้อีกหลายวัน หรือ หากยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้วัสดุเพาะทั้งหมด สามารถผึ่งไว้ให้แห้ง สามารถเก็บไว้ได้นานหลายเดือน หรือเป็นปี วิธีการนี้ ปัจจุบัน ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยไม่จำเป็นต้องไปรอนักวิชาการ เป็นผู้มากำหนดหรือบอกว่า จะต้องหมักหรือไม่หมักอีกแล้ว
ภาพทั้งหมด เป็นการหมักวัสดุเพาะไว้เป็นตัวอย่าง

เพื่อเตรียมการเอาไว้ให้ผู้ร่วมงาน พบปะสังสรรค์ ในมหกรรมทานอาหารเห็ดเป็นยาฟรี ในวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม 2560 ในวันนั้น ผู้เข้าร่วมงานจะได้มีโอกาสดูต้นกำยานแท้หรือกำยานโอมาน เทียบกับกำยานสุมาตราที่มีการเชื่อกันมั่วๆว่า มีสรรพคุณเหมือนกัน จริงๆแล้ว มันคนละเรื่อง สรรพคุณแตกต่างกันมาก เพราะเกิดจากพืชคนละตระกูลกัน ในวันดังกล่าวจะเพิ่มเห็ดเป็นยาที่สำคัญที่ใช้กันมากชนิดหนึ่งของทั่วโลก คือ เห็ดไม๊ตาเกะสดๆ เห็ดชิมิจิสดๆ ซึ่งเป็นเห็ดที่ควบคุมการผลิตด้วยเทคโนโลยีสุดยอด ควบคุมการผลิตเพื่อความปลอดภัยในการบริโภค ตั้งแต่การเตรียมวัสดุเพาะ จนกระทั่งขบวนการผลิตที่ปลอดสารและปลอดเชื้อ แม้กระทั่งน้ำที่ใช้ก็เป็นน้ำที่ผ่านขบวนการทำให้บริสุทธิ์แล้ว โดยทางบริษัท Hokuto Corporation จากประเทศญี่ปุ่น ได้มอบหมายให้ผู้จัดการชาวญี่ปุ่นประจำประเทศไทย คือ คุณ Hiroshi Kawano มาพบปะสังสรรค์พร้อมทั้งบรรยายวิธีการผลิตเห็ดปลอดสาร ด้วยเทคโนโลยี่ล้ำยุค ในวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม 2560 นี้ สมาชิกผู้ผ่านการอบรมจากอานนท์ไบโอเทค ตั้งแต่ปี 2560 ท่านใดที่ต้องการจะเข้าร่วม กรุณาแจ้งลงทะเบียนก่อนได้ที่ 029083308, 0860830202 line: mushroom10 งานนี้ฟรีครับ นอกจากเจ้าของภัตตาคารอาหารอาคม ซึ่งเป็นเซฟฝีมือเยี่ยมในการปรุงอาหารไทย จีนแล้ว คุณป้าอรุณี(อายุ 80 ปี) ป้าจารณี ตั้งสกุล อดีตผู้ป่วยเส้นเลือดใหญ่เข้าหัวใจโป่งพอง ที่รอดชีวิตมาอย่างหวุดหวิด เพราะทานเห็ด ทำให้แผลแห้งและสมานกันเร็วมาก จะนำเอากิมจิและไส้อั่วเห็ดที่หลายท่านติดใจฝีมือ เมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ท่านบอกว่า จะคงคุณภาพดีเช่นเดิม มีแม่ครัวจากลำพูน จะทำแกงอ่อมเพื่อสุขภาพ และขนมจีนน้ำเงี้ยวมาช่วยอีกอย่างละหม้อ นอกจากนี้ กลุ่มผู้ปลูกหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์ จะนำเอาหน่อไม้ฝรั่งปลอดสารสดๆ มาปรุงอาหารในงานด้วย

และได้รับแจ้งจากผู้ผลิตเครื่องมือการเกษตรรายใหญ่ ที่ผลิตเครื่องสับกิ่งไม้ให้เป็นขี้เลื่อยสำหรับเพาะเห็ด วันที่ 12 มีนาคม 2560 นี้ เจ้าของโรงงานจะมาพบสมาชิกผู้สนใจเครื่องสับกิ่งไม้ขนาดต่างๆ วันนั้น จะมีการนำเครื่องสับกิ่งไม้รุ่นต่างๆมาสาธิตให้ดูชมด้วย เอาเลยครับ ใครสนใจเรื่องเครื่องสับกิ่งไม้ ที่ต้องการเจอกับเจ้าของผู้ผลิตจริง ติดต่อกันตรงเลยในวันนั้นครับ