IMG_25601118_161725
IMG_25601118_161846
IMG_25601118_161934
IMG_25601118_161938
IMG_25601118_162019
IMG_25601118_162021
IMG_25601118_162033

พอผมเดินทางกลับจากการไปบรรยายเรื่อง สถานการณ์เห็ดของประเทศไทย ให้แก่ผู้สนใจจากทั่วโลก ที่มาร่วมงานวันเห็ดแห่งชาติจีน (The Chinese Mushroom Day) ระหว่างวันที่ 16-19 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา พอผมมาถึง ผมก็รีบเขียนสรุปของการเดินทางพอสังเขป แล้วก็ปล่อยคำทิ้งท้ายว่า จีนกำลังเจอปัญหาในเรื่องของเห็ด จากการวางยา หรือทิ้งบอมบ์จากประเทศเพื่อนบ้านนั้น หลังจากผมนำเสนอบทความนี้ลงไป มีสมาชิกจำนวนมาก สนใจเหลือเกิน และอยากรู้ว่า จีนทำไมถูกวางยาในเรื่องเห็ด เป็นไปได้อย่างไร ดูว่า ตอนนี้ แค่เวลาสิบปีเท่านั้น จีนสามารถพัฒนาและส่งเห็ดไปขายทั่วโลก เป็นอันดับหนึ่งของโลก แล้วจะไปโดนวางยาอย่างไร

ข้อศึกษาปัญหาจากการพัฒนาเทคโนโลยีการปลูกเห็ดในไต้หวัน
ใครที่เข้ามาในวงการเห็ดในยุคแรกๆของผม คือ ประมาณปี 2515-2520 คงทราบดีว่า ประเทศไต้หวัน แม้เป็นประเทศเล็กๆ ขนาดใหญ่กว่าพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นิดเดียว แต่สามารถผลิตเห็ดกระดุม ส่งออกมากที่สุดในโลก ซึ่งเห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง เป็นเห็ดชนิดเดียวเท่านั้น ที่คนทั้งโลกรู้จัก และมีการพัฒนาเทคโนโลยี่การเพาะได้อย่างรวดเร็วและทันสมัยยิ่ง โดยมีประเทศเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน เป็นผู้ที่มีบทบาทการพัฒนาอย่างก้าวไกลมาก จริงๆแล้ว ต้องบอกว่า ทางไต้หวัน ได้รับการบีบคั้นทางการเมืองจากจีนแผ่นดินใหญ่เป็นอย่างมาก ดังนั้น คนไต้หวัน ต้องช่วยกันทำทุกวิถีทาง ที่จะให้พัฒนาเทคโนโลยี่ล้ำหน้าผืนแผ่นดินใหญ่ พอดีประจวบเหมาะกับสภาพดินฟ้าอากาศของไต้หวัน ช่างพอเหมาะ พอเจาะเหลือเกินที่จะทำการผลิตเห็ดกระดุมในช่วงของฤดูหนาว โดยไม่จำเป็นต้องไปลงทุนเครื่องไม้ เครื่องมืออะไรแพงๆมากนัก

พอทางการไต้หวัน เห็นช่องทางในการพัฒนาเรื่องการเพาะเห็ดกระดุม เพื่อการส่งออกได้ จึงทำการส่งเสริมให้ชาวบ้านนับแสนๆราย หันมาร่วมกันผลิตเห็ดกระดุม เพื่อนำมาแปรรูป ส่งขายไปยังตลาดในยุโรปและอเมริกาประสพผลสำเร็จและนำเงินตราเข้าประเทศในระยะแรกอย่างเป็นกอบเป็นกำ ผลสำเร็จดังกล่าว ทำให้หลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ต่างก็มองเอาผลสำเร็จของการเพาะเห็ดกระดุมของไต้หวันเป็นแบบอย่าง บริษัทอาหารสากล หรือยูเอฟซี ของไทย ถึงกับจ้างผู้เชี่ยวชาญเห็ดจากไต้หวัน มาทำการเพาะเห็ดกระดุมที่ลำปาง และที่ดอยสะเก็ดเชียงใหม่ เพื่อนำมาบรรจุกระป๋อง จำหน่ายในประเทศ แทนการนำเข้า มีบางส่วนจำนวนน้อยส่งออกไปได้บ้าง ดังได้กล่าวไปแล้วว่า การที่รัฐบาลได้ทำการส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเพาะเห้ดกระดุมกันเรือนหมื่นเรือนแสน ด้วยวิธีง่ายๆ เมื่อมีการเพาะซ้ำที่เดิม มีปัญหาโรงเรือนชำรุด มีการสะสมศัตรูเห็ด ทำให้ผลผลิตลดลง เกิดโรคระบาดในเห็ดมากมาย จึงมีการใช้สารเคมี ประเภทยาฆ่าแมลง เข้าไปควบคุมการระบาดของโรคแมลง ผลสุดท้าย สารพิษดังกล่าว ก็กลับเข้าไปสะสมในดอกเห็ด เมื่อนำเอาดอกเห็ดไปแปรรูป ก็จะมีสารพิษ โลหะหนักปนเปื้อนเกินมาตรฐาน ทำให้เห็ดแปรรูปของไต้หวัน ไม่สามารถที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศได้ง่ายอย่างในอดีตอีกต่อไป

ประจวบเหมาะกับ การที่จีนแผ่นดินใหญ่ กำลังเฝ้ามองผลสำเร็จ เรื่องการเพาะเห็ดของไต้หวันที่ผ่านมาอย่างผิวเผิน จึงเปิดประตูรับผู้เชี่ยวชาญ และนักลงทุน จากไต้หวัน ให้ข้ามฝั่ง ที่อยู่ตรงข้ามไต้หวัน ซึ่งมีพื้นที่ดีกว่า มากกว่า คนงานหาง่ายกว่า ทางไต้หวัน จึงย้ายฐานผลิต มาผลิตเห็ดกระดุมในประเทศจีนแทบทั้งหมด นี่เป็นการยกภูเขาของปัญหาของไต้หวันที่กำลังเจอปัญหาพอดี การที่ได้ย้ายฐานผลิตไปที่ใหม่ ที่ไม่มีการสะสมเชื้อโรคนั้น ประสพผลสำเร็จดีมาก แต่คนไต้หวันก็เป็นผู้ถือช่องทางการแปรรูปและการตลาด โดยอาศัยมือเพาะเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ แถวเมืองฟู๋เจี่ยนแทน แล้วก็นี่ไง มันเป็นการครบรอบวงจรพอดี ที่สภาพโรงเรือนที่อายุประมาณสิบปีแล้วหมดอายุ และมีการสะสมเชื้อโรค นอกจากนี้ การเพาะเห็ด ที่เวียนวนอยู่ในหมู่บ้านที่แออัด นอกจากจะมีการสะสมเชื้อโรคแล้ว บรรดามลพิษต่างๆ ก็มีการสะสมของเสียและโลหะหนักเพิ่มขึ้น การเพาะเห็ดกระดุมนั้น ในช่วงของการทำให้เกิดดอกนั้น จะต้องใช้ดินคลุมหน้าวัสดุเพาะเห็ดด้วย ดินส่วนใหญ่ ก็เป็นดินเก่าที่หมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ ที่มีทั้งเชื้อโรคสะสมและโลหะหนักปนเปื้อน ทำให้ปัจจุบัน เห็ดกระดุมที่ผลิตที่ประเทศจีน ที่ไต้หวันปล่อยมือไม่สนใจที่จะทำตลาดแล้ว ปล่อยให้คนจีนไปทำการตลาดกันเอง ปรากฏว่า เห็ดกระดุมจากจีน ไม่สามารถส่งไปขายในประเทศไหนได้เลย ยกเว้นประเทศไทย และประเทศที่ด้อยพัฒนาทั้งหลาย ที่ยังไม่มีกลไกในการปกป้องคุ้มครองชีวิตของคนในชาติของประเทศนั้น

การส่งผ่านปัญหา
ตรงนี้แหละครับ ที่ผมบอกว่า การเพาะเห็ดของจีน ถูกวางยาไว้ โดยผู้ที่วางยา กลายเป็นพระเอก กลายเป็นนักบุญ ที่หยิบยื่นอาชีพดีๆให้ โดยหารู้ไม่ว่า การที่เขาหยิบยื่นธุรกิจนี้ให้ เพราะเขาเผชิญปัญหามาก่อนแล้ว นี่แหละที่เข้าข่ายที่ว่า ปีศาจร้ายในคราบของนักบุญโดยแท้ เรื่องนี้ เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้แก่ชนรุ่นหลังว่า อย่าเพิ่งไปตื่นเต้น กระวีกระวาด ที่เห็นคนอื่นเขาทำ ก็จะไปหลงทำตามเขา บางคนพอรู้ช่องทางนั่งเครื่องบินได้ นั่งเครื่องบินเป็น พอไปดูเขาอย่างผิวเผิน พอได้เห็นดอกเห็ด ได้เห็นเครื่องไม้เครื่องมือเขา ก็ตื่นเต้น พยายามที่จะรีบนำมาเสนอข่าวเพื่อจะให้คนเขารู้ว่า ได้ไปเมืองนอก ไปดูมาแล้ว และก็จะมองแต่ในแง่ดีๆเท่านั้น บางครั้งก็เป็นดาบสองคมได้ จึงขอให้สมาชิกทั้งหลาย ก่อนที่จะเอาอะไรใหม่เข้ามานั้น จึงพึงคิดแล้วคิดอีกและทำดูทดลองดูแต่น้อยเสียก่อน เมื่อได้ผลแล้ว จึงจะขยายต่อไป

การแก้ไขและก้าวข้ามกับอุปสรรค
คำถามต่อไปว่า แล้วคนจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่ เขาโง่กว่าคนไต้หวันหรือไง จึงยอมรับเอาเทคโนโลยีจากไต้หวันมา คำตอบก็คือ เปล่าเลย ในสถานการณ์เช่นนั้น กับการที่ประเทศกำลังเปิดใหม่ ช่วงนั้น อาจจะเหมาะสมกับสถานการณ์ แต่เมื่อนานเข้า ปัญหาเริ่มประจักษ์ และคนจีนผืนแผ่นดินใหญ่ เริ่มรู้แล้วว่า จะใช้เทคโนโลยี่อย่างนี้อีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้สิครับสนุกครับ สนุกตรงจีนกลับลำแบบสามร้อยหกสิบองศาเลยครับ โดยเชิญบริษัทผู้เพาะและผู้ผลิตเห้ดชั้นนำของโลก มาเปิดสาขา ทั้งขายเชื้อเห็ด ทำการผลิตเห็ด สิ่งไหนที่เป็นเทคโนโลยี่ล้ำหน้า ทันสมัย รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือทั้งการเงิน สถานที่ และงานวิจัยให้ทันที จนตอนนี้ เทคโนโลยีล้ำสมัยของการเพาะเห้ดของโลก อยู่ในผืนแผ่นดินจีนหมดแล้ว และงานที่ผมไปบรรยายครั้งนี้ ก็เป็นงานที่ รัฐบาลจีน ต้องการระดมมันสมองจากผู้มีประสบการณ์ทั่วโลก มาพบปะพูดคุยกันที่นี้ครับ แล้ว ผมจะค่อยๆ นำเอาเนื้อหา สาระที่น่าสนใจมากล่าวต่อไป แต่ขอตอบเป็นคำตอบแถมท้ายไว้ก่อนว่า แล้วความหวังของประเทศไทยล่ะอยู่ตรงไหน สู้เขาได้ไหม คำตอบคือ สู้ได้ สบายมาก และมีโอกาสผลิตเห็ดเพื่อส่งออกไหม มีโอกาสสูงมาก และโอกาสสูงอย่างยั่งยืนและปริมาณมากเสียด้วย ก็ขอให้คอยติดตามผมต่อๆไปครับ

Similar Posts

ใส่ความเห็น