ผมได้รับข้อมูลเพิ่มเติม จาก ดร.ภัทร์ หนังสือ(หนังสือ คือ นามสกุลนะครับ จบด๊อกเตอร์มาจากออสเตรเลีย) เจ้าของห้างขายยา ที่ทำเขากวางอ่อนขายที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ที่ได้เข้ามาอบรมเห็ดเป็นยากับทางอานนท์ไบโอเทค เมื่อหลายปีก่อนครับ แล้วท่านนำเอาความรู้ที่ได้จากการอบรมไปพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและยามากมายหลายอย่าง

ด้วยความที่ท่านมีความรู้อย่างดีทางวิทยาศาสตร์ เพราะจบมาสายนี้ จึงสนใจเรื่องของการใช้จุลินทรีย์ UM Plus ของอานนท์ไบโอเทค ไปเพิ่มหรือเสริมสรรพคุณและคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสม ท่านจึงนำเอาวัตถุดิบแทบทุกอย่างที่เป็นสมุนไพร รวมทั้ง เห็ด หรือแม้กระทั่งมะขามป้อม เอาไปผ่านขบวนการหมักด้วยเชื้อโปรไบโอติก UM Plus เสียก่อน เป็นเวลา 36-48 ชม. แล้วจึงนำเข้าสู่ขบวนการแปรรูป แน่นอน คนที่เรียนจบมันชั้นนี้ ไม่ได้เชื่ออะไรง่ายๆ ยิ่งจะต้องทำของที่จะใช้เป็นอาหารหรือยาสำหรับมนุษย์ จึงนำเอาวัตถุดิบ ที่ผ่านขบวนการหมักด้วยไบโอเทคเทคโนโลยีนี้ ส่งไปยังสถาบัน หรือหน่วยงานที่เชื่อถือได้ ให้ทำการตรวจวิเคราะห์สารต่างๆที่ลดหรือเพิ่มขึ้น รวมทั้งตรวจสารที่จะเป็นพิษต่อผู้บริโภคด้วย แน่นอน ในแง่งานวิจัย หรือนักวิทยาศาสตร์ หากเป็นไปได้ จะต้องตรวจให้รู้ลึกไปเลยว่า วัตถุดิบนั้น มีสารสำคัญอะไรเป็นองค์ประกอบ มีลักษณะโครงสร้างเป็นเช่นไร และการที่จะเข้าไปทำงานในร่างกายมีกลไกอะไรบ้าง แต่สำหรับนักธุรกิจแล้ว ส่วนใหญ่จะตรวจสารต่างๆในภาพรวม ยกตัวอย่างเช่น สารสำคัญที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุของสารก่อมะเร็งนั้น เขาก็วัดกันด้วยการตรวจค่า ORAC (Oxygen radical absorbance capacity)

Phyllanthus emblica fruit 02.jpg
By Krish Dulalงานของตัว, CC BY-SA 4.0, Link

นี่คือ ตัวอย่างของมะขามป้อมสดครับ หากนำเอามาขามป้อมสดๆมาทานให้ใช้เป็นวัตถุดิบ จะมีค่า ORAC อยู่ที่ประมาณ 185,000 หากนำเอาไปผ่านขบวนการหมักด้วยจุลินทรีย์ UM Plus นาน 36 ชม. ค่าของ ORAC จะเพิ่มขึ้นเป็น 232,000 ครับ

[envira-gallery id=”5893″]

ด้วยเหตุนี้ วัตถุดิบทุกตัวที่เป็นเห็ด ของอานนท์ไบโอเทค ได้ผ่านขบวนการหมักด้วยจุลินทรีย์ UM Plus ก่อนที่จะนำไปแปรรูปเพื่อเข้าสูตรอาหารเสริมหรือยาต่อไป

ใส่ความเห็น