การผลิตก้อนเชื้อเห็ดฉบับย่อ



             การเพาะเห็ดในถุง ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในประเทศไทย ทำให้ประเทศไทย สามารถผลิตเห็ดที่เพาะได้ในถุง อยู่ในลำดับแนวหน้าของโลก แม้เราเพิ่มเริ่มทำการเพาะอย่างจริงจังในราวต้นปี พ.ศ. 2520 เป็นต้นมาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียใจว่า ผู้เพาะเห็ดส่วนใหญ่ ทำการเพาะจากการลักจำกันต่อๆมา โดยเริ่มต้น เราได้ไปลอกเลียนวิธีการเพาะมาจากประเทศไต้หวัน ที่ในอดีต การเพาะเห็ดในถุงพลาสติก
อันได้แก่ เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดหูหนู นั้น ใช้ขี้เลื่อยไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้มะม่วง ไม้ก้ามปู ไม้ยางพารา ผสมกับรำละเอียด 10%  ปูนขาว 1% และดีเกลือ 0.1% เป็นสูตรอมตะมาตราบทุกวันนี้ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เห็ดเป็นพืชที่เจริญเติบโตเร็วมาก มีความต้องการธาตุอาหารค่อนข้างมาก และอย่างน้อยที่สุดถึง 16 ชนิด ดังการเติมเพียงรำละเอียดเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถที่จะทำให้ผลผลิตของเห็ดสูงและคุณภาพดีได้ยิ่งปัจจุบันคุณภาพของรำละเอียดมีโปรตีนลดลง มีการปนเปื้อนสารเคมีสูงขึ้น ยิ่งทำให้ผลผลิตเห็ดต่ำลง การสูญเสียจากเชื้อคู่แข่ง และแมลงเข้าทำลายมากยิ่งขึ้นจากเหตุผลดังกล่าว ทางศูนย์ไทยไบโอเทค ทีบีซี โดยมี อ.อานนท์ เอื้อตระกูล เป็นหัวหน้า

ทำการศึกษาวิจัยสูตรอาหาร และทำการพัฒนาวิธีการเพาะ ให้ได้ผลผลิตสูงอยู่ตลอดเวลา พบว่า ควรเติมแหล่งโปรตีนอื่นเสริมรำละเอียด เช่น จมูกหรือรำข้าวสาลี ในกระถินป่น และส่าเหล้าเข้าไปด้วย ส่วนแหล่งพลังงาน แม้ว่าจะมีอยู่อย่างเหลือเฟือในขี้เลื่อยแล้ว ควรเสริมแหล่งพลังงานที่แก่การนำเอาไปใช้ เช่น แป้งข้าวสาลี แป้งข้าวเหนียว แป้งเอ็นไซม์(ทำจากแป้งข้าวสาลี ผสมแป้งข้าวเหนียว หมักให้เกิดเอ็นไซม์ เพื่อเห็ดเอาไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น เป็นผลิตภัณฑ์ ของศูนย์ฯ) กากน้ำตาล และควรส่งเสริมการแตกกิ่งก้านสาขาของเส้นใย ด้วยการใส่หินฟอสเฟต พร้อมทั้งใช้ปูนที่เห็ดเอาไปใช้ได้ดีที่สุด คือ ปูนโดโลไมท์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ปูนขาว หรือปูนภูไมท์ตามที่มีความเชื่อกันทั่วไปสำหรับการเร่งการออกดอกเร็ว ควรงดใช้ดีเกลือ เพราะมันอยู่ในรูปของสารเคมี คุณภาพดอกเห็ดจะด้อยลง และไวต่อการทำลายของโรคและแมลง ควรใช้แมกนีเซียมที่อยู่ในรูปของสารชีเลท(Chelete) คือ

ธาตุอาหารเสริม KAT 901 แทนสูตรที่ผ่านการทดลองแล้วดีที่สุด สำหรับเห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดหูหนู เห็ดโคนญี่ปุ่น คือ ขี้เลื่อยแห้ง 100 กก. รำละเอียด 6 กก. รำข้าวสาลีหรือมอล์ตข้าวโพด 4 กก. ใบกระถินป่น 3 กก. แป้งข้าวสาลี หรือข้าวเจ้า หรือแป้งเอ็นไซม์ 2 กก.
ส่าเหล้า 2 กก. หินฟอสเฟต 1 กก. ปูนโดโลไมท์ 1 กก.

อาหารเสริม KAT 901 1 ลิตร หรือใช้สูตรสำเร็จของศูนย์ คือ ขี้เลื่อยแห้ง 100 กก.

อาหารเสริมสำเร็จรูป KAT 101 5-7 กก. แป้งเอ็นไซม์ 2 กก. อาหารเสริม KAT 901 อีก 1 ลิตร เท่านั้น

                หากเป็น เห็ดหอม เห็ดขอนขาว เห็ดขอนดำ เห็ดลม เห็ดหลินจือ ควรใช้สูตร ขี้เลื่อยแห้ง 100 กก. รำละเอียด 6 กก. รำข้าวสาลีหรือมอล์ตข้าวโพด 4 กก. ใบกระถินป่น 3 กก. แป้งข้าวสาลี หรือข้าวเจ้า หรือแป้งเอ็นไซม์ 2 กก. ส่าเหล้า 2 กก. หินฟอสเฟต 1 กก. ปูนโดโลไมท์ 1 กก. ปูนยิบซั่มดิบ(อย่าใช้ปูนปาสเตอร์บด ที่หลงผิดใช้กันทั่วไป ในบรรดาเซียนเห็ดดั้งเดิม) อาหารเสริม KAT 901 1 ลิตร หรือใช้สูตรสำเร็จของศูนย์ คือ ขี้เลื่อยแห้ง 100 กก. อาหารเสริมสำเร็จรูป KAT 105 5-7 กก. แป้งเอ็นไซม์ 2 กก. อาหารสริม KAT 901 อีก 1 ลิตร เท่านั้น

               อาหารเสริมสำเร็จรูป ของศูนย์ไทยไบโอเทค ผลิตจากวัตถุดิบเข้มข้น ที่อุดมไปด้วยธาตุอาหารของเห็ดอย่างครบถ้วน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ในปริมาณที่มาก สะดวก ไม่ยุ่งยาก ลดต้นทุนในการผลิต ผลผลิตสูง ก้อนเชื้ออยู่ทน เปอร์เซ็นต์เสียต่ำ เช่นเดียวกับแป้งเอ็นไซม์ ที่นำเอาแป้งที่เห็ดใช้ได้ดี มาทำการหมักด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ จะทำให้ผลผลิตสูงขึ้น คุณภาพของดอกเห็ดคงทนอยู่นาน ไม่บานง่าย น้ำหนักดี ทนทานต่อโรคและแมลง
การผสมวัสดุเพาะ ให้นำส่วนผสมที่เป็นผงแห้ง ผสมให้เข้ากันอย่างดีเสียก่อน แล้วจึงใช้น้ำสะอาดผสมอาหารเสริม KAT 901 รดให้มีความชื้นขนาดบีบเป็นก้อนได้ (ไม่ถึงขนาดที่น้ำเล็ดออกมา) หรือความชื้นประมาณ 55-60% ถ้าจะให้ดี น้ำที่ใช้รดให้ใช้เชื้อ ยูเอ็ม92 (UM ผง ) ซึ่งเป็นเชื้อที่ใช้กับเห็ดโดยเฉพาะ ใช้ปริมาณ 100 กรัม ต่อน้ำ 100 ลิตรใส่ แล้วกองวัสดุเพาะในที่ร่มให้สูงไม่เกิน 30 ซม. ไว้ ข้ามคืน จะได้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มากขึ้นจะเป็นการเพิ่มธาตุอาหารมากยิ่งขึ้น เปอร์เซ็นต์เสียจะลดลง


ส่วนการนึ่งฆ่าเชื้อนั้น ในกรณีที่เริ่มทำใหม่ หรือทำในปริมาณไม่มากนัก หรือแม้แต่จะทำเป็นธุรกิจขนาดย่อม หม้อนึ่งที่ดีที่สุด และถูกที่สุด คือ ถัง 200 ลิตร ดัดแปลงให้เป็นหม้อนึ่ง ใช้ตะแกรงเหล็กหรือไม้ใส่ภายในเพื่อใส่น้ำในการนึ่ง ชุดหม้อนึ่งจากถัง 200 ลิตรหนาพิเศษ พร้อมตะแกรง ฝาและเข็มขัด ราคาไม่เกิน 1,500 บาท (ราคาของศูนย์ไทยไบโอเทค) หากเป็นเห็ดที่เจริญเติบโตเร็ว เช่น เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า เห็ดขอนขาว ใช้เวลานึ่ง นับตั้งแต่ไอน้ำเดือดและพุ่งออกมาอย่างสม่ำ เสมอ 2-3 ชม. แต่ถ้าเป็นเห็ดที่เจริญช้า เช่น เห็ดหูหนู เห็ดลม เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดโคนญี่ปุ่น เห็ดหอม เห็ดหลินจือ ให้นึ่งนานยิ่งขึ้น

               การเขี่ยเชื้อ โดยเชื้อเห็ดถือว่า เป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่ง ต่อผลสำเร็จในการเพาะเห็ด และเป็นการยากมากที่จะสังเกตด้วยสายตาได้ว่า เชื้อเห็ดจะเสื่อม หรือมีโรค ไวรัส หรือมีแรงพุ่งแรงหรือไม่ เพราะจากความเป็นจริง เชื้อเห็ดยิ่งขาว ยิ่งหนา ยิ่งเดินเร็ว มีความเสี่ยงต่อเชื้ออ่อน หรือเชื้อเป็นหมันสูงกว่า ดังนั้น เชื้อเห็ดที่ดี จะต้องเป็นเชื้อเห็ดที่ผ่านการคัดเลือก ตรวจสอบความแข็งแรง ปลอดโรคและไวรัส และจะต้องเพาะเลี้ยงในเมล็ดข้าวฟ่างที่ผ่านการนึ่งด้วยระบบสุญญากาศเท่านั้น
(หัวเชื้อส่วนใหญ่ มักใช้ข้าวฟ่างต้ม ที่ถูกเอาอาหารเททิ้งไปกับน้ำเสียแล้ว) นอกจากนี้ เชื้อเห็ดแต่ละชนิด มีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ ท่านควรทำความเข้าใจส่วนนี้ให้ถ่องแท้ด้วย ก่อนที่จะนำเอาหัวเชื้อไปใช้ ให้ทำการเขย่า แล้วทิ้งไว้ 2-3 วัน หัวเชื้อ 1 ขวด ใช้เขี่ยได้ 50-60 ถุง

      การบ่มเชื้อ ทั้งก่อนและหลังเขี่ยเชื้อ ควรฉีดพ่นสารไล่แมลงจากสมุนไพรกลั่น ร่วมกับฟังแบคคิว บริเวณที่ทำการเขี่ย และก้อน เพื่อป้องกันแมลงและไร และฉีดพ่นตลอดช่วงการบ่มเชื้อในทุกๆ 4-6 วัน บ่มเชื้อไว้ในที่ร่ม แสงน้อย อากาศถ่ายเทได้บ้าง หากเป็นเห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า เห็ดขอนขาว ใช้เวลาประมาณ 25-30 วัน เส้นใยจะเจริญทั่ววัสดุเพาะ เห็ดหูหนู เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดลม เห็ดโคนญี่ปุ่น เห็ดหัวลิง ใช้เวลา 30-40 วัน เห็ดหอม เห็ดตีนแรดใช้เวลา ประมาณ 60-70 วัน

ใส่ความเห็น