ปกติผมเป็นคนไม่ชอบหมอ ไม่ว่าจะเป็นหมอรักษาสุขภาพ และหมอฟัน(ผมไม่ได้หมายความว่า ผมไม่ชอบตัวคุณหมอทั้งหลายนะ) เพราะผมกลัวเข็มฉีดยา ยิ่งหมอฟันด้วยแล้ว ผมกลัวเขาถอนฟัน แล้วเอาเครื่องเจียรเข้าไปเจียรกระดูกฟัน(เพราะผมเคยไปส่งคนอื่นทำ ฟังแล้วเสียว ฟังแล้วน่ากลัว) แต่ทำไงได้ ในเมื่อเราก็เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ยิ่งแก่ตัวขึ้นทุกวัน สังขารทั้งหลายมันก็ทรุดโทรมไปตามธรรมดา

ทีนี้มาพูดความจริงกันครับในเรื่องของฟันว่า ในชีวิตท่านเคยปวดฟันไหม แล้วเคยไปให้หมอรักษาไหม เคยให้หมอถอนฟันไหม เคยให้หมอฝังเดือยเข้าไปในกระดูกกรามไหมเพื่อใส่ฟันปลอม เคยครอบฟันไหม หากบอกว่า ไม่เคยเลย ก็ขอให้ท่านหยุดอ่านบทความนี้เสีย เพราะไม่เกิดประโยชน์อันใด แต่สำหรับท่านที่เคยปวดฟัน เคยถอนฟัน เคยครอบฟัน เคยเจาะเดือยใส่ฟันปลอมถาวร ท่านคงรู้ดีถึงความเจ็บปวดแสนสาหัส ดังได้กล่าวแต่ต้นว่า ผมเป็นโรคกลัวหมอ โดยเฉพาะหมอฟัน แต่ด้วยความที่มันปวดฟันจนทนไม่ได้ ผมต้องจำยอมว่า ผมต้องไปหาหมอฟัน แม้ผมจะกลัวมากเพียงใด ผมยอมโดยดุษฏีว่า หมอจะทำอะไรเกี่ยวกับฟันให้ผมให้หายเจ็บหายปวดได้ก็เชิญ

แน่นอนครับ ช่วงที่ผมยังอยู่บ้านที่โชคชัยสี่ ผมก็ไปหาคุณหมอรวงทอง ซึ่งสนิทสนมกันดีแล้วก็ไม่แพง จำได้ว่า ไปหาท่านแต่ละครั้งเสียเงินแค่หลักร้อย แต่พอผมย้ายมาแถวตลาดไท เปลี่ยนหมอ ทีแรกก็เลือกดูคลีนิกที่ดูดีใหญ่โต สะอาดสะอ้านน่าเข้า พอเข้าไปเผลอแผล๊บเดียว หมอฟันก็บอกว่า ฟันตรวนั่นนี่เสียหมด ต้องถอนออก ถอนไปถอนมาหมดไปทั้งปากครับ แล้วโรงหมอฟันทีไร(ต้องเรียกว่า โรงละครับ) หมดเงินทีหลายหมื่น ผลสุดท้ายฟันล่างผมถูกถอนหมอไม่เหลือสักสี่ครับ แล้วก็เจาะฝังฟันปลอมถาวรเข้าไปซ้ายขวา โดยหมอบอกว่า ใช้เทคโนโลยี่และวัสดุที่ดีที่สุดเป็นทองคำขาวให้ ผมก็ยอมครับและก็หมดเงินไปเป็นแสน ก็ยอมครับ เพราะไม่ต้องการปวดฟันอีกแล้ว และก็เพราะคำว่าถาวรไปจนตายนั้น มันฟังแล้วอยากได้ เพราะไม่อยากปวดฟันอีกแล้ว อ้าวที่ไหนได้ พอถอดจนหมดแล้ว ใส่ฟันปลอมแบบถาวรไปแล้ว ไม่ถึงสี่เดือนเลย ยังปวดอีก

ก็ไปหาหมอฟันอีก หมอบอกว่า ที่ปวด ไม่ได้เกิดจากฟันถาวรที่ใส่ไปที่หมดไปเป็นแสน แต่มันเกิดจากเหงือกอักเสบ ดังนั้น จะต้องถอนเอาฟันปลอมถาวรออกทิ้งเสีย ผมก็ยอมเพราะมันปวดอ่ะ พอหมอจัดการฟันล่างผมจนไม่เหลือสักซี่แล้ว หมอก็บอกต่ออีกว่า ฟันบนของอาจารย์ก็สึกหมดนะ แต่ไม่ต้องถอน ให้ครอบฟันเอา ครั้งแรกจะครอบให้ก่อนสองซี่ ก็เหมือนเดิมจะใช้วัสดุอย่างดี เป็นทองคำขาว คิดราคาพิเศษแบบเหมารวมสำหรับอาจารย์แค่ห้าหมื่น ผมก็โอเค

ใครที่เคยครอบฟันคงจะทราบดีนะครับว่า ก่อนที่เขาจะครอบฟัน เขาต้องพิมพ์ฟันเดิมก่อน(เฉพาะแค่พิมพ์ฟัน ผมโดนไปหมื่นบาทครับ) จากนั้น ก็นัดมากรอฟันโดยการเจียรฟันเดิมให้เป็นลิ่มสำหรับใส่ฟันครอบลงไป แน่นอนก็กรอฟันให้เป็นเดือยนั้น จะต้องตัดเซลประสาทขณะทำการกรอ ดังนั้นหมอจึงให้ยาชาไปด้วย พอกรอเสร็จแล้ว หมอก็จะเอาอุปกรณ์เล็กๆและแหลมพอสมควรดันเอาเซลประสาทยัดเข้าไปในฟันที่กรอ ซึ่งแม้จะโดนยาชาแต่ก็มีความรู้สึกได้ว่า มันเจ็บและตึงๆ หมอบอกว่า คราวนี้ อาจารย์จะต้องเจ็บไปหลายวัน ให้ทานยาแก้ปวดและยาอักเสบไปด้วย เอาเป็นว่า ผมจะไม่ต้องอธิบายวิธีการทำฟัน เอาเป็นว่า ทั้งก่อนและหลังทำฟันนั้น มันปวดก็แล้วกัน วิธีแก้ปัญหาของหมอฟันคือ เมื่อถอน ครอบอะไรก็แล้วแต่ เราจะต้องทนต่อความเจ็บปวดและการอักเสบอีกระยะหนึ่ง

ดังหมอจึงจัดยาพาราแก้ปวดและยาแก้อักเสบมาให้ทาน แต่ละครั้งไปหาหมอ หมอก็จะให้ยาพวกนี้มาดังรูปพร้อมใบเสร็จค่ายา 300 บาท(ลูกสาวผมบอกว่า ซื้อขายนอกไม่น่าถึงร้อย ก็โอเคยอม เพราะมันเป็นเกมบังคับอยู่แล้ว) เมื่อวาน(วันที่ 27 ตุลาคม 2560) ผมก็ไปหาหมอฟันอีกตามนัด เพื่อไปกรอฟันที่จะครอบฟันสองซี่(คราวนี้จ่ายไปอีกสองหมื่น จนลูกสาวผมหน้างอ แต่ผมยอมทุกอย่าง เพราะผมไม่อยากปวดฟันอีกแล้ว จ่ายเท่าไหร่ก็ยอม) พอเสร็จหมอบอกว่า คราวนี้จะเจ็บมากเพราะกรอแบบนี้ จะต้องถูกเซลประสาท ยิ่งทำการดันเส้นประสาทเข้าไปในซอกฟันที่กรอแล้วอีก ก็จะเจ็บปวดมาก จึงแนะนำว่า หากปวดมาก ให้ผมทานพาราเพิ่มขึ้น หมอจึงสั่งให้ยาแก้ปวด และแก้อักเสบเพิ่มให้ผมอีก ผมก็เลยบอกคุณหมอว่าไม่ต้องให้ยาผม เพราะยาที่หมอให้ผมมาทั้งแก้ปวดแล้วแก้อักเสบนั้น ผมสะสมไว้ จนจะตั้งร้านขายยาได้อยู่แล้ว

คราวนี้ผมตั้งหลักสู้กับหมดด้วยการปฏิเสธรับยาแก้ปวดและแก้อักเสบ หมอเลยงงว่า นี่ขนาดกรอฟันจนเหลือเล็กนิดเดียว จึงต้องมีการตัดถูกเซลประสาทและเครื่องกรอก็จะตัดเนื้อเยื่อที่กระพุ้งแก้มด้วย คราวนี้เจ็บแน่ๆและหลายวันด้วย แต่ทำไมผมปฏิเสธคุณหมอ ด้วยเหตุผลที่ว่า ก่อนที่ผมมาหาหมอฟันทุกครั้ง ผมทานเห็ดเป็นยาที่ป้องกันการอักเสบ เช่น เห็ดชากา เห็ดกระถินพิมาน เห็ดเยื่อไผ่และกำยานแท้ที่ผมปลูกเอง โดยทานล่วงหน้าไปแล้วหลายวัน ยิ่งวันที่ผมจะไปหาหมอฟันผมก็เพิ่มปริมาณเห็ดเป็นยาเข้าไป ผมจึงมั่นใจว่า ผมไม่อักเสบ ไม่เจ็บ ไม่ปวดแน่ เพราะผมมีประสบการณ์หลายครั้งที่ผ่านมาที่หมอทั้งถอน ทั้งเขี่ย ทั้งงัด ทั้งคุ้ยเอาส่วนที่เป็นรากฟันออก แต่ผมไม่เคยมีอาการปวดหรืออักเสบเลย หมอท่านงงมากครับว่าเป็นไปได้อย่างไร แล้วเมื่อวานท่านก็กำชับว่า ให้ทานโจ๊กแทนเน้อ แต่เมื่อคืน ผมทานบะหมี่เกี้ยวทันทีหลังจากยาชาหมดฤทธิ์ ตื่นเช้ามาวันนี้ ก็มายืนยันว่า แม้ผมผ่านมือหมอฟันมาชนิดเต็มๆ และหมอบอกว่า จะต้องเจ็บปวดทรมานมากนั้น ณ วินาทีนี้ ผมไม่ได้ทานยาแก้ปวดและแก้อักเสบ และทุกอย่างเป็นปกติ ไม่เจ็บไม่ปวดเลยแม้แต่น้อย สรุปแล้ว ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ผมลองด้วยตัวผมเองแล้ว เห็ดเป็นยาเอาอยู่ครับ ใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องฟัน ลองดูอย่างผมได้นะครับ

นี่ครับ คือ ทั้งยาแก้ปวด แก้อักเสบและบิลเงินสดครับ

ผมเลือกทานเห็ดเป็นยา ที่มีสรรพคุณแก้ปวดและแก้อักเสบแทน ดีกว่าเยอะครับ

ใส่ความเห็น