วันนี้ อาจารย์อรทัย เอื้อตระกูล น้องสาวคนสุดท้องของผม ที่เพิ่งเกษียณอายุราชการจากตำแหน่งสุดท้าย คือ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กรมวิชาการเกษตรเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ผมติดภารกิจมากมายในไทย ผมจึงส่งเธอไปดูแลกิจการโครงการลงทุนร่วม ระหว่างสถาบันอานนท์ไบโอเทค กับกลุ่มนักลงทุนกิจการรีสอร์ทและโรงแรมที่ประเทศมัลดีฟ ก่อนที่ผมจะส่งเธอไปนั้น ผมเคยพาเธอไปดูมาครั้งหนึ่งแล้ว แกบอกว่าแกชอบมาก และแกอยู่ได้ เพราะรีสอร์ททั้งสองแห่งคนเยอะอยู่แล้ว รีสอร์ทเกาะแรกคือ Soneva Fushi แม้มีที่พักเพียง 60 หลัง แต่มีเจ้าหน้าที่ทำงานประจำพำนักกันอยู่ที่นั่นมากถึง 450 คน
ส่วนที่กำลังเสร็จใหม่ๆ Soneva Jani มีรีสอร์ทอยู่กลางทะเล ประมาณ 40 หลังและจะสร้างบนเกาะอีก 60 หลัง มีเจ้าหน้าที่ทำงานประจำอยู่ 1,100 คน คราวนี้ส่งแกไปตามลำพัง ให้แกได้มีโอกาสใช้ความรู้ ความสามรรถจากการทำงานที่กรมวิชาการมานานกว่า 40 ปี แต่อีกใจหนึ่ง ด้วยความที่แกเคยทำแต่งานราชการที่มีแต่สั่งกับสั่ง โดยร้างราไปกับงานภาคปฏิบัติโดยสิ้นเชิง ก็คิดอยู่ในใจว่า แล้วนี่แกจะไวเหรอ ในฐานะที่เป็นพี่ชาย แล้วผมมักจะถูกสมาชิกในครอบครัวพ่อแม่เดียวกันตำหนิเป็นประจำว่า ชอบทำอะไรแผงๆไม่เหมือนพี่ไม่เหมือนน้องคนอื่นเขา คราวนี้ ผมส่งน้องสาวไปคนเดียว ไปปล่อยเกาะ แล้วก็ไปอยู่กลางทะเลเปล่าเปลี่ยวเดียวดายอย่างนี้ ผมจะโดนตำหนิไหม ดูสิ วันนี้ น่าสงสารแกจังเลย แกเดินทางไปเดินงานอีกเกาะหนึ่ง ด้วยเรือเร็วใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่า แล้วก็ไปขึ้นท่าอีกรีสอร์ทหนึ่ง แล้วแกต้องพักและทานอาหารอยู่กลางน้ำกลางมหาสมุทรอย่างน่าสงสารจริงๆๆๆๆ ดูรูปเอาก็แล้วกัน ที่น้องสาวผมกำลังผจญอยู่กับความลำบากกลางมหาสมุทรอินเดีย ที่ประเทศมัลดีฟ ครับ
































เหลือเชื่อไหมครับว่า สิ่งปลูกสร้างอันสง่างาม ที่สร้างจากไม้ทั้งหมด รวมทั้งสะพานเชื่อ ที่ใช้รถไฟฟ้าขับสวนกันได้ ก็สร้างและปูพื้นด้วยไม้อบกันผุอย่างดีนั้น ออกแบบและดำเนินการสร้างโดยสถาปัตย์และวิศวกรคนไทย รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ ทางเดินที่ทำด้วยกระจกหนา สามารถมองทะลุเห็นก้อนทะเล ก็มาจากประเทศไทย จากฝีมือคนอเมริกันที่มาแต่งงานกับคนไทย แล้วการที่ผมส่งน้องสาวผมไปตกระกำลำบากเช่นนี้ ผมจะถูกตำหนิไหมหนอ ขอบอกว่า ค่าที่พักที่นี่ต่ำสุดคืนละ 6,000 ดอลลาร์ สูงถึง 60,000 ดอลลาร์นะครับ