ความคืบหน้าอาการป่วยคุณพ่อคุณมงกุฎ และขอคำแนะนำเพิ่มเติม
- This topic has 1 ข้อความตอบกลับ, 1 เสียง, and was last updated 6 years, 6 months มาแล้ว by
Sorachai Sahabunyakool.
- ผู้เขียนข้อความ
- พฤษภาคม 11, 2017 at 10:28 pm #4081
เรียนท่านอาจารย์อานนท์ที่่เคารพ
ต้องขอโทษอาจารย์อีกครั้งครับที่รบกวน คิดว่าช่วงนี้อาจารย์คงจะยุ่งอยู่เหมือนกัน
ผมคยเขียนอีเมล์มาปรึกษาเรื่องเห็ดกระุดุมกับมะเร็ง
คุณพ่อผมได้ทานเห็ดกระดุมทุกวัน วันละ 3 มื้อ มื้อละ 4 เม็ด รวมทั้งทานเอ็นไซม์มื้อละ 2 เม็ดครับ
ล่าสุดตรวจค่ามะเร็งได้ 80 ขึ้นมาจากเดิมที่เคยเป็น 40 แต่ผล CT scan ไม่พบว่ามีการลุกลามเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกระผมขอรบกวนถามอาจารย์เกี่ยวกับการทานเห็ดกระดุมดังนี้
1. ควรทานก่อนอาหาร หรือหลังอาหารอย่างไรครับ
2. ควรทานปริมาณเท่าไหร่ในแต่ละมื้อครับ
3. เอ็นไซม์ควรทานมื้อละกี่เม็ดครับ และทานพร้อมเห็ดใช่หรือไม่
4. เคยได้ยินว่า อย่างเห็ดหลินจือ ถ้านำไปต้มน้ำดื่ม ถึงจะได้สารประโยชน์ออกมา ในกรณีเห็ดกระดุมของอาจารย์ ถ้าผมแกะเอาไปละลายในน้ำร้อนให้คุณพ่อทานจะดีกว่าหรือไม่ครับ
5. ถ้าซื้อเห็ดจากต่างประเทศที่ระบุว่าเป็น extract ต้องดูอย่างไร และจะมีประสิทธิภาพแตกต่างกันหรือไม่ครับสุดท้ายนี้ขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองอาจารย์และครอบครัวให้มีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขด้วยครับ
ปล. วีดีโอของ William Li ที่ TED.com มีภาคภาษาไทยแล้วนะครับ ผมได้แปลเผื่อเป็นประโยชน์กับผู้ื้อื่นครับ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
มงกุฎ
พฤษภาคม 11, 2017 at 10:29 pm #4082ยินดีครับคุณมงกุฎ เมล์ของคุณเป็นเมล์ที่มีเนื้อหาสาระ และคุณเป็นคนดี ที่ทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตคุณพ่อของคุณ นับว่าเป็นความกตัญญูอันยิ่งใหญ่ หาอื่นใดเสมอเหมือน คุณทำถูกแล้วล่ะ และควรทำต่อไปให้ถึงที่สุด ในขณะที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่ ทุกวันนี้ ผมก็คอยเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ที่หมอบอกว่าหมดทางรักษาแล้ว โดยผมพยายามให้กำลังใจ และพยายามที่จะยื้อเวลาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลักษณะของคุณพ่อของคุณ ก็ไม่ต่างไปจากผู้ป่วยรายอื่นที่ในเมื่้อเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายแล้ว เมื่อมีการตรวจว่าค่าของมะเร็ง ก็จะทำให้เราในฐานะลูกหลานเป็นกังวล แล้วค่าถึงขนาดนี้ หมอมักจะฉีดพวกโปรตีนไข่ขาวเข้าไปอีก เพื่อไปซ่อมแวมเซลที่ถูกเซลมะเร็งแย่งเอาโปรตีนชนิดนี้ไป แต่จากประสบการณ์ของผม พบว่า คนไข้ทุกราย ที่หมอตรวจค่าของมะเร็งสูงขึ้น โปรตีนไข่ขาวลดลง หมอจะแนะนำให้ทานอาหารโปรตีนให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โปรตีนจากปลา เพราะหมอเชื่อว่า โปรตีนจากปลามันย่อยง่าย แต่เชื่อไหมครับ หากทำตามนั้น เป็นการเร่งให้ผู้ป่วยมีอาการทรุดหนักเร็วขึ้น โดยจะเกิดอาการอาหารไม่ย่อย ท้องบวม และจะเสียชีวิตอย่างทรมานเร็วมาก ผมว่า คุณรักษาคุณพ่อของคุณถูกทางแล้วล่ะ พยายามให้ท่านทานมังสะวิรัตให้มากที่สุด ดูวิธีการรักษาผู้ป่วยมะเร็งขั้นสุดท้าย ของหลวงตาวัดคำประมง จังหวัดสกลนครสิครับ สุดยอดเลย เพราะหลวงตา ท่านเคยป่วยเป็นมะเร็งโพรงจมูกขั้นสุดท้าย ท่านรักษาตัวท่านดีขึ้นถึงทุกวันนี้มากว่า 20 ปีแล้ว ด้วยการทำโภชนาการบำบัด ร่วมกับสมาธิ และสมุนไพรบำบัดครับ หลวงตา เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์รุ่นเดียวกับผม ผมเพิ่งมารู้จักท่านเมื่อไม่กี่วัน ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขนิมนต์ท่านมาบรรยายในเวลาไล่เรี่ยกับเวลาบรรยายของผม
ทีนี้มาถึงคำถาม ที่ผมต้องขอโทษที่ตอบคุณช้าไป เนื่องจากระยะนี้ ผมมีนักศึกษาต่างประเทศมาฝึกงาน เลยต้องดูแลเขาเป็นพิเศษ ประกอบกับระยะนี้งานเข้าหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานเกี่ยวกับการผลิตของผมระยะนี้เพิ่มขึ้นเยอะมาก ทำไม่ทันเลยครับ ส่วนคำถามมีคำตอบดังนี้
1.ควรทานก่อนอาหารสัก ครึ่งหรือ 1 ชม.ครับ
2.ในกรณีของคุณพ่อคุณ ผมว่าเซลมะเร็งคงไม่ลามต่ออีกแล้ว การทานขนาดนี้น่าจะพอเหมาะ หรือว่า หากไม่มีอาการอะไรมาก ก็อาจจะลดลงสักเล็กน้อยก็ได้ เพราะคาดว่า ระดับภูมิต้านทานของท่านอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแล้วน๊ะครับ ไม่ทราบว่า การดำเนินชีวิตของท่านหมู่นี้เป็นไงบ้าง เพราะเท่าที่ผมได้ติดตามคนไข้ระยะนี้ ส่วนใหญ่สดชื่น และมีความหวังเพิ่มขึ้น ขอพรประเสริฐทุกพรจงดลบันดาลให้คุณพ่อของคุณมีชีวิตชีวาดียิ่งๆขึ้นครับ
3.จริงๆแล้วเอ็นไซม์เป็นตัวเสริม หากท่านยังทานได้ ถ่ายได้ดี ก็ทานก่อนอาหารครั้งละ 1-2 เม็ดก็พอ แต่หากว่ามีปัญหาเรื่องระบบการย่อย การขับถ่าย กำลังวังชาไม่ดี อาจจะเพิ่มปริมาณขึ้นได้ไม่มีปัญหา เพราะเหมือนกับทานผักครับ
4.ใช่ครับ เห็ดหลินจือส่วนใหญ่ เป็นการสกัดเอาสารอาหารจากดอกเห็ดที่แข็งมาก วิธีที่ถูกที่สุดและเร็วที่สุด คือ การต้มครับ แต่ก็ได้แค่เพียงสาร Polysaccharides เท่านั้น ส่วนสารอื่นๆถูกความร้อนทำลายหมดครับ แล้วคุณคงรู้ดีว่า สารโพลี่แซคคาไรด์ตัวนี้ มันมีโมเลกุลที่แข็งแรงมาก มันเป็นสารประกอบของน้ำตาล ที่ย่อยยากที่สุด แม้กระทั่งเห็ดมันยังย่อยไม่ได้เลย มันจึงเก็บเอาไว้ ดังนั้น ไม่มีส่วนใดของร่างกายมนุษย์ครับ ที่จะย่อยเอาสารนี้ไปใช้ได้ นอกจาก เชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้เล็กของเราเท่านั้น จุลินทรีย์เหล่านี้ย่อยแล้ว มันจึงจะแตกตัวแล้วเข้าสู่ระบบต่างๆของร่างกาย เพื่อไปกระตุ้นขบวนการสร้างภูมิต้านทาน แต่เดิม มีการปั่นข่าวกันมากเรื่องของเห็ดหลินจือ แม้กระทั่งปีที่แล้ว รัฐบาลจีนก็ลงทุนหลายพันล้านบาท จัดสัมมนาเห็ดเป็นยาขึ้นที่เมืองหนานตง ใกล้เซี้ยงไฮ้ ซึ่งผมก็ได้รับเชิญไปด้วย เขากะจะโปรโมทเห็ดเรื่องนี้อย่างแรง แต่ความจริงแล้ว มันสู้เห็ดอื่นๆไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เห็ดกระดุมบราซิล เห็ดจิกหรือเห็ดพิมาน และเห็ดหิ้งลาย ซึ่งเป็นเห็ดไทยแท้ๆ และเกิดที่ไทยเยอะที่สุด แต่ตอนนี้เรามีชาวต่างชาติมาตั้งรกรากและสร้างโรงงานในไทย โดยกว้านหรือจ้างคนต่างจังหวัดไปเก็บเห็ดจิกหรือเห็ดพิมาน ที่มีมากที่สุดในโลก คือ ในประเทศไทย แต่ส่งออกขายในนามของต่างชาติ ลองเข้าดูเวปที่ชื่อ http://www.phellinus-research.com ดูสิครับ แล้วคุณจะรู้เอง อย่างไรก็ตาม การสร้างภูมิต้านทานของร่างกายนั้น หากจะให้ดี อาจจะต้องมีการบริโภคสารกระตุ้นจากธรรมชาติหลากหลายเข้าไปด้วย ดังนั้น ก็ไม่มีปัญหาอะไร ที่อาจจะเอาผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือ ให้คุณพ่อทานไปด้วย แต่ผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือที่ย่อยง่ายและมีเอ็นไซม์อยู่มาก คือ ส่วนที่ได้มากจากเส้นใยเห้ดในช่วงที่กำลังรวมตัวกันเป็นดอกเห็ดครับ ดีกว่า เอาดอกมาต้มครับ
5.หากถามความเห็นผม ผมขอฟันธงเลยว่าไม่ควรใช้สารสกัดครับ เพราะการสกัดเอาสารเดี๋ยวออกมานั้น มันไม่ได้ผลดั่งที่โฆษณาเลยครับ ในทางตรงกันข้ามย่อยยาก และอาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงจากความเข้มข้นที่สูง ที่ร่างกายอาจจะรับไม่ไหว แต่บริษัทใหญ่ มักประชาสัมพันธ์ว่า มีขั้นตอนและวิธีการที่ทันสมัย เพื่อเรียกร้องความสนใจแก่ลูกค้า ว่าใช้เครื่องมือดีๆ ราคาแพงๆ คนอื่นเขาทำไม่ได้ นั่นมันเป็นละครฉากหนึ่งของธุรกิจปัจจุบัน แต่เราสิ เป็นเจ้าของชีวิตของเรา จงระมัดระวังครับ
ขออนุโมทนาในเจตนาที่ดีของคุณครับ ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจขบวนการเกิดและการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และกลไกในการเข้าไปหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ดังนั้น งานบรรยายของวิลเลี่ยมลี ที่คุณช่วยแปลเป็นไทยนั้นน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกผู้เข้าชมเวปไซด์ของผม ขอขอบคุณแทนสมาชิกทุกคนที่ได้รับอนิสสงส์นี้
- ผู้เขียนข้อความ
- You must be logged in to reply to this topic.