Reply To: โรคเกล็ดเลือดต่ำโดยไม่ทราบสาเหตุITP ของคุณทองทิพย์ ประทิศ
Home / Forums / สุขภาพ / โรคเกล็ดเลือดต่ำโดยไม่ทราบสาเหตุITP ของคุณทองทิพย์ ประทิศ / Reply To: โรคเกล็ดเลือดต่ำโดยไม่ทราบสาเหตุITP ของคุณทองทิพย์ ประทิศ
ดร.อานนท์ ได้ตอบคำถามคุณสกุณณา ที่ถามถึงเรื่อง เห็ดเป็นยาที่ใช้รักษาโรค อะมิลอยโดสิท หรือขบวนการสร้างโปรตีนในร่างกายไม่สมบูรณ์โดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เกิดแผล ตุ่ม คันตามร่างกาย โดยมีคำตอบดังนี้
แม้ว่ามนุษย์เราจะได้พัฒนาทำการศึกษา ค้นคว้า ทดลองเกี่ยวกับความเป็นมาของสิ่งมีชีวิต ความผิดปกติของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค ด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคประการใด ก็ยังไม่สามารถที่จะตอบโจทย์อันเป็นปัญหาของร่างกายได้ทั้งหมด โรค SLE, ITP และ Amyloidosis ก็เช่นกัน เป็นอาการผิดปกติ ที่เรายังหาสาเหตุไม่เจอ ดร.อานนท์ ได้เขียนบทความเรื่องของโรคเกล็ดเม็ดเลือดถูกทำลายโดยไม่ทราบสาเหตุหรือ ITP และ SLE ไปหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า โรคดังกล่าว นับวันจะเกิดปัญหาแก่มนุษย์มากยิ่งขึ้น การที่ไม่ทราบสาเหตุนั้น การรักษาก็เช่นกัน ก็ยังหาจุดหรือวิธีการที่แน่นอนในการรักษายังไม่เจอ และมีบ่อยต่อบ่อยครั้ง มีการวินิจฉัยโรคและรักษากันผิดๆเช่นเดียวกับ โรคอะมิลอยโดสิส ซึ่งจริงๆแล้ว ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นโร แต่เป็นขบวนการที่ร่างกายสร้างโปรตีนไม่สมบูรณ์ พอมีโปรตีนที่ถูกสร้างขึ้นมาไม่สมบูรณ์ กลไกภายในของร่างกายก็พยายามที่จะกำจัดโปรตีนออกไป ปรากฎว่า โปรตีนเหล่านี้ มันไม่สามารถถูกกำจัดออกไปได้ง่ายๆ มันอาจจะรวมตัวกันเป็นเส้น เป็นก้อน เป็นใย ขวางทางหรือกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายจะออกมาสู้กัน ทำให้เกิดอาการคัน เป็นตุ่ม ผุพอง ในการรักษานั้น ก็ยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผลแม่นยำ ผู้ป่วยบางราย ก็จะถูกรักษาด้วยการฉีดคีโมหรือฉายแสงเช่นเดียวกับผู้ป่วยมะเร็ง แล้วก็เกิดอาการแพ้ ตายเพราะคีโมไปก็เยอะ บางรายก็ถูกรักษาด้วยการให้ยากดภูมิ ซึ่งก็พอบรรเทาไปได้บ้าง แต่ผลสุดท้าย เกล็ดเม็ดเลือดจะถูกทำลาย อาการโรคแทรกซ้อนก็ตามมา ไม่ว่าเบาหวาน ความดันโลหิต ที่ร้ายที่สุด คือ จะไปทำให้ระบบไตล้มเหลว จากประสบการณ์ของ ดร.อานนท์ ที่ทำการรักษาโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของร่างกาย โดยเฉพาะเรื่องของภูมิต้านทานบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือภูมิต้านทานทำลายตัวเอง โดยอาศัยเห็ดหลายชนิด ที่ส่วนใหญ่ มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายได้ดี เช่น เห็ดกระดุมบราซิล เห็ดหิ้งไซบีเรีย เห็ดกระถินพิมาน เห็ดถั่งเช่า เห็ดหลินจือ เป็นต้น ได้นำเอาทั้งส่วนของดอก เส้นใย ที่ผ่านขบวนการย่อยด้วยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ หรือที่เรียกว่า โปรไบโอติก ด้วยสูตรที่เหมาะสม ใช้รักษาโรคดังกล่าวแล้วได้ผล พบว่า ผู้ป่วยจากโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่องต่างๆดังกล่าว กลับคืนสู่ภาวะปกติเป็นส่วนใหญ่ เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการรักษานานพอสมควร กว่าที่อาการจะกลับสู่ปกติ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 31 มีนาคม 2556 และวันที่ 6, 7 และ 8 เมษายน 2556 ดร.อานนท์ได้รับเชิญให้ไปบรรยายในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติที่ศูนย์สิริกิต์ ห้องบรรยายที่ 4 จัดโดยคณะจัดทำวารสารบีเวลล์ โดยจะพูดเรื่องดังกล่าวนี้ด้วย
ดูเหมือนว่า โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องมีอยู่มากมายหลายชนิด และเป็นโรคที่วงการแพทย์แผนปัจจุบัน ยังไม่สามารถหาสาเหตุได้ และยังไม่มีกรรมวิธีใดที่จะรักษาโรคดังกล่าวให้หายขาดหรือดีขึ้นได้ เว้นแต่ทำให้ทรงหรือทุเลาลงไปได้บ้างด้วยการให้ยาพวกสเตอรอยด์ หรือยากดภูมิ ซึ่งยาต่างๆเหล่านี้ จะมีผลข้างเคียงและใช้ไปนานๆ อวัยวะส่วนที่สำคัญก็จะถูกทำลาย ผลที่สุด ผู้ป่วยก็จะจากไปอย่างเวทนา เช่นเดียวกับในรายของคุณทองทิพย์ ที่ใครต่อใครก็ซุบซิบกัน รวมทั้งตัวของคุณทองทิพย์เองว่า คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะจากการที่ร่างกายบวมเป่ง ไม่มีเรี่ยว มีแรง แต่ก็เพาะคุณพ่อ คุณแม่ของคุณทองทิพย์ เมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ เคยทำงานอยู่กับครอบครัว ดร.อานนท์ อย่างขยันขันแข็งมาก่อน ทาง ดร.อานนท์ จึงได้ให้ความเมตตาแก่คุณทองทิพย์ ด้วยการที่นำเอาเห้ดหลายชนิด อันได้แก่ เห็ดกระดุมบราซิล เห็ดจ้าวหลินจือ เห็ดหิ้งไซบีเรีย มาทำการรักษาคุณทองทิพย์ จนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และ ดร.อานนท์ ก็ติดตามผลเป็นระยะอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง และทุกปี ก็จะเดินทางไปเยี่ยมติดตามผลของคุณทองทิพย์เสมอมา คราวนี้ ก็เพิ่งไปพบคุณทองทิพย์มา พบว่า โดยรวมแล้ว สุขภาพยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ยกเว้นโรคแทรกซ้อนชนิดใหม่เกิดขึ้น คือ เป็นตุ่มเล็กๆที่ร่องรักแร้ แล้วเป็นตุ่มลักษณะเป็นถุงน้ำลามไปทั่ว หรือที่เรียกว่า ไฟลามทุ่งหรือเริม ดร.อานนท์ จึงได้จัดเห็ดเป็นยาสูตรพิเศษทำการรักษาทันที ปรากฏว่าใช้เวลาไม่กี่วัน โรคเริม ที่เกิดจากเชื้อไวรัสยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว แต่แผลที่ยังคงมีให้เห็น แม้ว่า จะมีผิวหนังใหม่เกิดขึ้น ดูเหมือนเป็นปกติ แต่คุณทองทิพย์ มีความรู้สึกปวดแสบ ปวดร้อน ซึ่งก็เป็นลักษณะของคนที่เป็นเริมโดยทั่วไป เมื่อหายแล้ว จะปวดแสบปวดร้อนอยู่ใต้ผิวหนังค่อนข้างจะทรมาณกว่าช่วงที่เป็นเริมเสียอีก ด้วยเหตุนี้ ดร.อานนท์ จึงได้เอาครีมที่มีส่วนผสมของเชียบัตเตอร์ที่นำมาจากประเทศโบกินาฟาซู และมีขายอยู่ตามห้างดังๆ เช่น ที่เซ็นทรัล ราคากระปุก(ขนาด 15 กรัม) ประมาณ 4,500 บาท หลังจากที่ใช้ครีมเซียบัตเตอร์ทาเข้าไปตรงที่เคยเป็นเริม อาการปวดแสบปวดร้อนดีขึ้น และอาการดังกล่าวก็จะค่อยๆหายไป เช่นเดียวกับ ผู้ที่เป็นมะเร็ง ที่จำเป็นต้องฉายแสงหรือฉีดคีโม จะเกิดผลข้างเคียงของยา เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนใต้ผิวหนัง ก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการใช้ครีมจากเชียบัตเตอร์ดังกล่าว
โรคเริมที่เกิดบริเวณใต้รักแร้ของคุณทองทิพย์ แผลหายแล้ว แต่ยังปวดแสบปวดร้อนอยู่
ดร.อานนท์ ได้นำเอาครีมจากเชียบัตเตอร์แท้ๆ ที่ไม่ได้ผ่านขบวนการกลั่นให้สูญเสียสรรพคุณ ให้คุณทองทิพย์ทาบริเวณที่เคยเป็นเริม ปรากฏว่าหลังจากทา อาการปวดแสบปวดร้อนลดลงอย่างเห็ดได้ชัด และทาติดต่อกันไม่นาน อาการกลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ใครก็ตาม ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังแห้ง ผิวหนังแพ้สารเคมี แพ้ผงซักฟอก เป็นสะเก็ดเงิน เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนจากการฉายรังสีหรือให้คีโม ขอแนะนำให้ใชีครีมจากเชียบัตเตอร์ หรือสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ผมโดยตรง 0858270085, 025799200, 025797759 หรือที่อานนท์ไบโอเทค 029083308 และ 0860830202
รอยช้ำเป็นจ้ำๆบริเวณหน้าแข้งของคุณทองทิพย์ อันเนื่องจากอาการของการบวมของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ที่ทำลายตัวเองไม่ทราบสาเหตุ ขณะนี้ คุณทองทิพย์ สามารถดำรงชีวิตและทำงานได้อย่างปกติแล้ว ทั้งๆที่มีการคาดการณ์ว่า จะมีชีวิตเหลืออยู่สั้นมากแล้ว แต่นี่เวลาผ่านไปกว่า 3 ปี แล้ว จึงน่าจะเป็นตัวอย่างอันดี สำหรับท่านที่กำลังสิ้นหวังจากการเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง